แพทย์ไต้หวันเตือน กินปลาเค็ม-ของดองตั้งแต่เด็ก ซ้ำมียีนกรรมพันธุ์อ่อนแอ เสี่ยงเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูก 7 เท่า
มะเร็งหลังโพรงจมูกเป็นมะเร็งที่เติบโตในโพรงหลังจมูก แพทย์ระบุว่า การถ่ายทอดทางพันธุกรรม การติดเชื้อไวรัส หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะลุกลามทำให้ยากแก่การรักษา ทว่าโลกออนไลน์กำลังแชร์บทความของคุณหมอท่านหนึ่งชาวไต้หวันที่ออกมาพูดถึงปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูกมากยิ่งขึ้น
นพ.หลู เป่ยเหริน ศาสตราจารย์ด้านโสต ศอ นาสิกวิทยาแห่ง National Taiwan University School of Medicine ระบุใน “Health 2.0” ว่า มะเร็งหลังโพรงจมูกเป็นโรคที่สำคัญมากในไต้หวัน โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้นทุกปี 1,600 ราย มะเร็งหลังโพรงจมูกมี 4 สาเหตุหลัก ได้แก่
- การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- การติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ EBV (Epstein Barr Virus)
- การรับประทานอาหารดอง
- การสัมผัสสารก่อมะเร็งจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นไม้หรือขี้เลื่อย ฝุ่นหนัง ฝุ่นจากสิ่งทอ บุหรี่ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์สารประกอบนิกเกิล ฟอร์มาดีไฮด์ และโครเมียม เป็นต้น
นพ.หลู เป่ยเหริน ชี้ให้เห็นว่าไวรัสเอ็บสไตบาร์แพร่หลายในสังคม “แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลีกเลี่ยง” ซึ่งทำให้เกิดอาการป่วยต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองบวมโต แต่บางคนจะเป็นมะเร็งและบางคนจะไม่เป็น เพราะเกี่ยวข้องกับยีนและพฤติกรรมการกิน จากการศึกษาพบว่า ยิ่งอายุน้อย กินอาหารหมักดองมาก เช่น ปลาเค็ม, ผักดอง, หัวไชเท้าดอง, กิมจิ หรือมัสตาร์ด ฯลฯ ยิ่งเสี่ยงเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกสูงถึง 7 เท่าของคนทั่วไป .
นพ.หลู เป่ยเหริน อธิบายว่าเพราะอาหารหมักและดองเหล่านี้มีสารไนไตรต์มาก ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในตัวมันเอง หากคุณมีพันธุกรรมที่อ่อนแอ ไม่สามารถต้านทานการติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ได้ และทานอาหารดองมากในวัยเด็ก โอกาสที่คุณจะเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกจะสูงกว่าคนทั่วไปมาก อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังเน้นย้ำว่าการศึกษาพบว่า ผู้ใหญ่ที่กินอาหารดองมีอิทธิพลค่อนข้างต่ำ
นพ. อู๋ หยู่เฉิน ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิกแพทย์ กล่าวว่า อาการเริ่มต้นของมะเร็งหลังโพรงจมูกโดยทั่วไปมักไม่ชัดเจน เมื่อโรคลุกลามอาจมีก้อนที่คอ (ต่อมน้ำเหลืองบวมที่แพร่กระจายไปที่คอ), หูอื้อข้างเดียว, คัดจมูกข้างเดียว, มีเสมหะ หรือจมูกแดงก่ำและอาการอื่น ๆ หากเนื้องอกหลังโพรงจมูกกดทับเนื้อเยื่อรอบ ๆ อาจทำให้เกิดอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดศีรษะ ชาที่ใบหน้า หรือมองเห็นไม่ชัด
โพรงหลังจมูกอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างลึกและไม่สามารถสังเกตได้ง่ายในเวลาปกติ ต้องใช้กล้องเอนโดสโคปหรือรีเฟลกเตอร์ส่องดู หากพบเนื้องอกบางอย่าง ที่ส่วนมากมักเป็นข้างใดข้างหนึ่ง มีลักษณะเนื้อนูน ผิวขรุขระ อาจมีเลือดซึมหรือไม่มีเลือด แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อนั้นออกมาตรวจ และดูว่ามีการกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ หรือไม่
วิธีการรักษามะเร็งหลังโพรงจมูกจะแตกต่างกันไปตามระยะ โดยทั่วไป การรักษาด้วยฉายรังสีเป็นหลักและอาจเพิ่มเคมีบำบัดตามระยะ ทั้งนี้ ควรปรึกษาวิธีการรักษาโดยละเอียดกับแพทย์ตามระยะ นพ.อู๋ หยู่เฉินเตือนว่าโดยทั่วไปผลการรักษาในระยะเริ่มต้นนั้นดีที่สุด ดังนั้น หากพบอาการผิดปกติอาการน่าสงสัยให้รีบไปพบแพทย์หูคอจมูกเพื่อตรวจหามะเร็งหลังโพรงจมูก
ขอบคุณที่มาจาก Ettoday