แซ็ค ชุมแพ เผยชีวิตหลังมรสุมข่าวทำผู้หญิงท้อง เคยท้อจนอยากถอดใจทิ้งวงการ! 

Home » แซ็ค ชุมแพ เผยชีวิตหลังมรสุมข่าวทำผู้หญิงท้อง เคยท้อจนอยากถอดใจทิ้งวงการ! 



แซ็ค ชุมแพ เผยชีวิตหลังมรสุมข่าวเรื่องทำผู้หญิงท้อง เครียดหนัก นอนไม่หลับ จนต้องดื่มทุกวัน คิดท้อจนอยากถอดใจทิ้งวงการ เคลียร์ข่าวสร้างกระแสเป็นไบเซ็กชวล

นักร้องลูกทุ่งอินดี้อีสาน แซ็ค ชุมแพ ย้อนเล่าชีวิตหลังมรสุมข่าวเรื่องผู้หญิง เครียดหนัก นอนไม่หลับ จนต้องดื่มทุกวัน เคยคิดถอดใจทิ้งวงการบันเทิง พร้อมเคลียร์ข่าวสร้างกระแสเป็นไบเซ็กชวล คบหญิงก็ได้ คบชายก็ดี อีกทั้งยังซื้อบ้านใหม่สวนกระแสโควิดด้วยเงินสดเกือบ 10 ล้านบาท ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31 ที่มีธัญญา ธัญญาเรศ และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ย้อนกลับไป 3 ปีที่แล้ว เรื่องนั้นหนักหน่วงกับชีวิตเหลือเกิน กับเรื่องทำผู้หญิงท้อง? “ถือว่าหนักนะครับ สำหรับผมไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเคยดูแต่ดาราที่เขาดังๆ หล่อๆ ที่มีเงินเขาเป็นข่าวกัน ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย”

ตอนเราเห็นข่าวดาราคนอื่นที่เป็นแบบนั้นรู้สึกยังไง? “ตอนที่ดูข่าว ผมก็ดูกับแม่ผม แม่ก็บอกว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งทุกคนก็สามารถเกิดขึ้นได้ รักกันมา 9 ปี 20 ปี เขาก็ยังเลิกกันได้ มันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างซึ่งคนนอกไม่รู้”

พอมาเกิดข่าวฉาวแบบนี้ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง มันกระทบกับชีวิตแซ็คยังไงบ้าง? “มันก็กระทบนะครับ ซึ่งผมเป็นเด็กบ้านนอกไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วไม่ได้คิดมาก่อนว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเรา เราต้องแก้ปัญหายังไง แต่พอมันเกิด มันบู้มทีเดียวเลย เราทำอะไรไม่ได้ แล้วทำอะไรไม่เป็นด้วย ซึ่งผมเป็นคนที่พูดน้อย แล้วคิดน้อยด้วย ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาทุกวัน ผมมีความนอยด์กับตัวเอง”

มีความโกรธไหม? “ไม่ได้โกรธให้กับใครนะ โกรธให้ตัวเองมากกว่า ซึ่งเราแก้ปัญหาไม่ได้เลย”

ชีวิตแซ็คต้องเจอกับอะไรบ้าง เรื่องท้องไม่จริง เรายังโดนฟ้องร้องอีก ตอนนั้นอาชีพการงานกำลังรุ่งเลย ชีวิตตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง? “ถ้าผลกระทบกับงานช่วงนั้นก็มีปัญหากันกับทางเจ้าภาพบ้าง คนที่ดีลงานไว้เยอะๆ บ้าง เขาโทรมาถามว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง แล้วจะทำยังไงต่อเรื่องงาน พวกพรีเซ็นเตอร์บ้าง พวกโฆษณาบ้าง ก็อธิบายให้เขาฟังว่าเรื่องราวมันเป็นแบบนี้ เขาก็เข้าใจ”

สรุปสุดท้ายเรื่องมันจบยังไง? “เรื่องจบอยู่ที่ศาลครับ จบกันด้วยดี”

ตอนนั้นบอกว่าไม่โกรธ แต่ทำตัวไม่ถูก ที่รู้สึกตอนนั้นเลยคืออายมาก? “อายมากครับ ผมเป็นเด็กบ้านนอก อยู่เฉยๆ ก็มีชื่อเสียง อยู่เฉยๆ ก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดกับตัวเอง มีความนอยด์และมีความเครียดแล้วก็ไปสู้หน้าใครไม่ได้ การไม่ชอบอธิบาย อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นปุ๊บเราจะอธิบายไปทำไม ในเมื่อเรารู้ว่าสิ่งที่เราพูดมันเป็นความจริงนะ เราไม่อยากให้ดูเหมือนมาแก้ตัวหรือเปล่า ผมก็เลยเก็บไว้คนเดียว มันก็เลยสะสม ไม่อยากอยู่คนเดียวเลยตอนนั้น คืออยากหาเพื่อนคุย ตอนแรกๆ นักดนตรีแยกย้ายกันไป ตอนทำงานเสร็จเขาก็ไปบ้านพักเขา ผมอยู่บ้านคนเดียว บ้านหลังใหญ่ เช่าเขาอยู่ตอนนั้น ทำยังไงเราถึงจะดับความเครียดของเราได้ ต้องมีเพื่อน ไปอยู่บ้านนักดนตรี ไม่อยู่บ้านตัวเอง ไปหาเพื่อนคุย พี่ๆ เขาก็ช่วยอธิบายให้เราสบายใจขึ้น”

เห็นเป็นคนสนุกสนาน แต่ตอนที่เจอเรื่องนั้นร้องไห้ไหม? “ไม่ถึงกับร้องไห้ครับ แต่ผมเครียด ปกติเวลาผมกลับบ้าน ผมจะไม่คุยกับใครเลยนะ ผมจะอยู่กับตัวเองมากกว่า”

มีความคิดไหมว่าเราต้องหมดอนาคตแน่ๆ เลย เพราะเรื่องนี้? “มันก็แว้บเข้ามานะครับ คือเรื่องเกิดที่เรา หรือจะจบที่เราดี เคยมีความคิดแบบนี้นะ กลับไปอยู่บ้านดีกว่า”

เคยคิดจะกลับไปอยู่บ้าน ทิ้งวงการเลย? “ใช่ครับ ทิ้งทุกอย่างเลย เรามาจากศูนย์ ทำไมเราจะไปอยู่ที่เรามาไม่ได้”

ตอนนี้เราอโหสิกรรมให้กับอีกฝ่ายหรือยัง? “ผมไม่ได้โกรธ แล้วไม่ได้แค้นอะไร เราเคยรักกัน เรามีความผูกพันกัน สิ่งเหล่านี้มันจะล้างทุกอย่าง”

หลังจากเคลียร์เรื่องทุกอย่างจบ ได้คุยกับเขาไหม? “ไม่ได้คุยเลยครับ ตั้งแต่มีเรื่องกัน ส่วนมากก็จะเป็นทางผู้ใหญ่เขาคุย เขาเคลียร์กัน”

แล้วอะไรที่ทำให้แซ็คสามารถมายืนอยู่แบบทุกวันนี้ได้? “เป็นเพราะครอบครัว และกำลังใจจากทางค่ายด้วย พี่ๆ ทีมงาน แล้วก็แม่นั่นแหละครับ”

สำคัญที่สุดคือแม่เลย? “แม่บอกว่าไหนๆ มันมาถึงจุดนี้แล้ว แล้วแม่อยากให้ไปมองว่าข้างหลังของเรามีใครบ้างที่เราก่อสร้างมาด้วยกัน ก็ยังมีพี่ๆ นักดนตรี ทีมงานทุกคน ถ้าเราทิ้งไปแล้วเขาจะอยู่ยังไงก็มานั่งคิด”

ก่อนจะมานั่งแบบนี้ ก็เครียดถึงขั้นต้องดื่มทุกวัน? “เพื่อให้มันลืมครับ ดื่มทุกวัน ลืมได้เฉพาะตอนดื่ม ตอนที่มันหลับ แค่นั้นเอง คือผมเป็นคนที่ทำงานมาเหนื่อยๆ ผมหลับเลย แต่ช่วงนั้นทำยังไงก็ไม่หลับ ทำงานเลิกคอนเสิร์ต ตี1-2 เพลียๆ ไปนอนก็ไม่หลับ ยังคิดอยู่”

ก็ต้องใช้การดื่มช่วย? “ใช่ครับ ดื่มทุกวัน โต้รุ่งก็มี”

แล้วสุขภาพเป็นยังไง? “ช่วงนั้นคิดว่าตัวเองยังแข็งแรงอยู่ เรานอนในรถตู้ เสร็จงานนี้ก็ต้องไปอีกจังหวัดหนึ่ง ไม่ได้นอนโรงแรม ผมก็กินในรถตู้เลย กินแล้วก็หลับ”

เรียกว่าติดแอลกอฮอล์เลยไหมตอนนั้น? “ไม่ถือว่าติดครับ แต่ว่าขาดไม่ได้”

แล้วทำยังไงถึงเลิกได้? “ก็กลับมาทำงานอีกครั้งหนึ่งนี่แหละ คือมันห่างจากคอนเสิร์ตด้วย มาถ่ายละคร มาเป็นพิธีกร ไม่ค่อยได้อยู่กับนักดนตรีเท่าไหร่ แล้วก็มาอยู่กับแม่ด้วย”

ตอนที่ดื่ม มันมีผลกับงานไหม เคยเสียงานไหม? “เพี้ยนนี่มีบ้างครับผม ผมเป็นนักร้องสายเพี้ยนอยู่แล้วครับ ลืมเนื้อก็มีบ้าง ช่วงที่เราทำงานเยอะๆ”

คนรอบข้างเตือนไหม แซ็คเบาๆ หน่อย? “ก็มีแม่นั่นแหละครับ แม่คอยเตือนคอยบอกตลอด ซึ่งผมไม่เชื่อคำพูดใครเลย นอกจากแม่คนเดียว”

เห็นแม่บอกว่าเรื่องถ้ามันไม่จริงก็อย่าไปเครียดกับมัน ให้ต่อสู้ อันนี้เพิ่งด่านแรก แม่บอกอย่างนี้เลยใช่ไหม? “ใช่ครับ แม่บอกว่าอันนี้ยังเล็กๆ น้อยๆ ใครๆ เขาก็เป็นข่าวกัน”

ตอนนี้เรายังต้องดื่มอยู่ไหม ที่จะทำให้เราหลับ? “พักหลังผมไม่ดื่มแล้วครับ หลังจากที่ย้ายมาอยู่บ้านเช่าที่กรุงเทพฯ เพราะว่ามีแม่ มีน้องชายมาอยู่ด้วย ปกติกลับมาจากทำงาน กินข้าว แล้วผมก็ขึ้นนอนเลยครับ”

อยู่ดีๆ ก็ให้สัมภาษณ์ว่าชอบผู้ชาย? “ผมก็งง วันนั้นผมไปโปรโมทเพลงภาพยนตร์ นักข่าวเขามารุมสัมภาษณ์ผม เขาก็ถามเรื่องเก่าผมเป็นมายังไง เรื่องมันจบยังไง จบกันด้วยดีหรือเปล่า ผมก็เฉไฉ ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่มันผ่านมา คือเพลงนี้สนุกมาก ใครที่เข้าไปฟังต้องเต้นตามเลยนะ ผมก็พยายามเบี่ยงประเด็น พี่นักข่าวเขาก็พูดมาคำหนึ่ง หรือว่าเข็ดจากผู้หญิงจะไปชอบผู้ชาย เฮ้ย หรือว่าจะเป็นทางออกที่ดี ผมก็บอกว่าใช่ครับ ถ้ารักผู้หญิงแล้วมีปัญหา ผมชอบผู้ชายดีกว่าครับ”

พูดปุ๊บกลายเป็นประเด็นเลยว่าแซ็คเปลี่ยนใจ? “ใช่ พี่นักข่าวก็ถามผม แสดงว่าเป็นไบเซ็กชวลแน่นอน เอาแล้วกู ไบเซ็กชวลคืออะไรวะ ครับๆ ใช่ๆ ครับ อย่างนั้นพี่เอาออกหน้า1 เลยนะ ครับๆ ได้ครับ แค่นั้นแหละ นักข่าวเลิกสัมภาษณ์ผมเลย 4 โมงเย็นเป็นข่าวหน้า1 เลยครับ โห…ดังมาก”

แล้วเป็นยังไง เราหันไปชอบผู้ชายจริงไหม? “คืออยากให้เรื่องมันจบ ผมพูดไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไบเซ็กชวลคืออะไร ผมก็พูดไปแค่นั้นเอง”

ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม? “รู้แล้วครับ จำไปจนวันตายเลยครับ”

หลังจากนั้นมีผู้ชายเข้ามาจีบเยอะไหม? “หลังจากที่เป็นข่าวไป คือตอนแรกไอจีผมคนติดตามน้อยมาก หลังจากวันนั้นคนทักเข้ามาในไดเร็กต์เมสเสจเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เป็นพันข้อความ เขาก็ทักมาส่งกำลังใจมาให้ ถามว่าจีบไหมก็มีบ้าง เขาก็บอกว่ายินดีด้วยนะที่กล้ายอมรับ กล้าเปิดเผยอะไรประมาณนี้ ผมก็ตอบ ขอบคุณครับ แต่ถ้ามากกว่านั้นผมก็ไม่กล้าตอบเขา”

เคลียร์ต่อหน้ากล้องหน่อย ใจเราไปหรือยัง หรือว่าแมนทั้งแท่ง? “ผมชอบผู้หญิงนั่นแหละครับ สิ่งที่ผมบอกว่าผมเป็นไบเซ็กชวล คือผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ผมก็เลยพูดไปแบบนั้น ผมเป็นผู้ชายครับ”

อยากขอโทษอะไรที่เราพูดออกไปแล้วทำให้คนเข้าใจผิด? “ผมขอโทษแฟนคลับและพี่ๆ สื่อมวลชนทุกๆ ท่านนะครับ ที่วันนั้นผมพูดไปโดยไม่รู้กาลเทศะเนื่องด้วยตัวเองเป็นคนที่ติดตลก ปากพล่อยด้วย รู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วย ยังไงก็ต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ที่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่”

เรื่องความรักครั้งเก่า เราไม่เคยถามเลยว่าจริงๆ แล้วสาเหตุมันเกิดจากอะไร ผิดใจอะไรกันกับความรักในครั้งนั้น? “ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีแฟน คนนี้คือคนแรกที่เป็นจริงเป็นจัง ผมเป็นคนที่เอาใจผู้หญิงไม่เป็น เป็นผู้ชายที่ไม่โรแมนติก แล้วก็ไม่หวาน แต่ไม่เจ้าชู้”

แล้วมันไปผิดใจกันยังไง? “ผมว่าผู้หญิงเขาต้องการผู้ชายที่อบอุ่นโรแมนติก เทคแคร์ ซึ่งผมไม่มี ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมันเกิดที่ผมแหละครับ ไม่มีเวลาให้เขา”

ก็เลยเกิดการเรียกร้องความสนใจ เรียกอย่างนี้ได้ไหม? “มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ถ้าผมทำงาน ผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องอื่นเลย มุ่งแต่ทำงานอย่างเดียว”

ทำให้แซ็คคิดว่าทำไมความรักสำหรับแซ็คมันยากจัง? “ใช่ครับ ยากครับ เขาก็มีความนอยด์บ้างตามประสาผู้หญิง ทำให้เรามีปากมีเสียงกัน”

ทำให้เราเข็ดกับความรักไหม? “ตั้งแต่นั้นมาผมไม่ได้คุยอะไรกับใครเลย”

หรือว่ามีคุย แต่ไม่กล้าเปิดตัวและไม่กล้าจริงจังกับใคร? “ก็มีคนทักมาเยอะนะครับ แต่ว่าเหมือนตอนนี้ผมมีเซ้นต์แล้ว ทักมาคุย 2-3 วัน เขาไม่น่าจะมาจริงจังกับเรา ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน ก็เลยไม่คุย”

แล้วเมื่อไหร่ใจจะหายเครียด หายจมแล้วเปิดใจ ถ้าเจอคนดีจริงๆ แซ็คพร้อมจะเปิดใจไหม? “ผมพร้อมนะครับ แต่ผมไม่ใช่ฝ่ายรุกไงครับ คือใครที่อยากจีบผม ต้องเข้ามาหาผมเอง”

เราไม่ชอบจีบผู้หญิงเหรอ? “จีบไม่เป็นครับ”

ที่เข้ามาจีบเราเคยเจอแปลกๆ บ้างไหม? “สายเปย์ก็มีนะครับ ให้ผมไปกินข้าว ให้ 5-6 หมื่น ผมก็ไม่กล้าไป เป็นผู้หญิงวัยน่าจะ 30 กว่าแล้วมั้งครับ ผมไม่กล้าไป ผมกลัวจริงๆ ครับ”

ถ้าเขาบอก 200,000 ไปไหม? “ต้องดูก่อนครับ ถ้าเป็นข่าวมามันไม่คุ้มกับเงิน 200,000 บาท”

คิดว่าเราพร้อมจะเปิดใจเมื่อไหร่? “จริงๆ ตอนนี้ผมก็พร้อมนะครับ”

สเป๊กของแซ็ค ชุมแพ? “เมื่อก่อนผมเลือกไว้เยอะ แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่เลือกแล้วครับ ใครก็ได้ แต่ถ้าสวยก็ดี เพราะผมเป็นคนขี้เหร่ แม่พันธุ์ต้องสวย ต้องเป็นคนที่เป็นผู้นำ เพราะผมไม่ใช่ช้างเท้าหน้า ผมมีหน้าที่ทำงาน คุณมีหน้าที่เก็บเงินแล้วก็ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างไป รักจริง แล้วดูแลครอบครัวผมได้”

ยังไม่เจอใช่ไหม? “ตอนนี้ยังไม่เจอครับ”

มีปัญหาเรื่องความรักแล้ว มามีปัญหาเรื่องวงอีก? “ตอนโควิดนี่แหละ ตอนแรกเราก็อยู่ด้วยกันกับวง สร้างตั้งแต่คำแพงยังไม่ดัง ผมว่าทุกคนมันต้องก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ทุกคนได้เงินแล้วมีเงินเก็บ บางคนเขาก็ออกไปเปิดร้านขายเครื่องดนตรี เปิดร้านขายกาแฟ บางคนเขาก็กลับไปเรียนต่อ บางคนผมก็ไล่ออก ยืมตังค์ผม ผมก็ไล่ออกไม่คืนสักที เอาจริงๆ มันไม่ถึงกับไล่ออกหรอกครับ เขาตีตัวออกห่างเรา”

แล้วตอนนี้เราไปงานยังไง แบ็คกิ้งแทร็กหรือมีวงใหม่? “ก็มีคนเดิมบ้าง เอาคนนอกมาเสริมบ้าง”

ก่อนหน้านี้ที่มีปัญหาเราพึ่งพี่ๆ ในวงไว้เยอะนะ พอไม่มีวงแล้วทำให้เราย้ายไปหาที่ใหม่ใช่ไหม? “ใช่ครับ ทุกคนมีความเป็นส่วนตัว บางคนเขาก็มีแฟน เขาก็อยากอยู่กับแฟนเขา อยากอยู่กับครอบครัวเขา”

เราควักเงินสด10 ล้าน ซื้อบ้านหลังใหม่สวนกระแสโควิดเลย? “10 ล้านเลยเหรอ ไม่ถึงหรอกครับ หลังจากที่เรามานั่งคิด 3-4 ปีที่เราเช่าบ้านมา แม่บอกว่าซื้อบ้านได้หลังหนึ่งเลยนะ ตอนแรกผมคิดว่าจะซื้อในกรุงเทพฯ แต่อันนี้อยู่ปทุม ชอบบรรยากาศที่มันเป็นธรรมชาติ คิดถึงบ้านตัวเอง ต้องมีศาลาหน้าบ้าน ต้องมีแบบสระปลานะ อันไหนที่ผมทำได้ ผมก็ทำเอง ขุดเอง ทำน้ำตกที่บ้านเอง”

คลิปสัมภาษณ์ แซ็ค ชุมแพ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ