เศรษฐา มั่นใจกระแสเพื่อไทย แรงกว่า ก้าวไกล โนคอมเมนต์ ‘แม้ว’ อยากกลับไทย ชี้ไม่เกี่ยวกับพรรค สวนกลับ ‘อนุทิน’ เห็นจองกระทรวงกันทุกพรรค
วันที่ 10 พ.ค.2566 ที่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ ช่วงโค้งสุดท้ายว่า เราแข่งขันดุเดือดทุกพื้นที่ แต่เรามั่นใจว่าบ้านของเราตรงนี้ เราจะยกทั้งจังหวัด เมื่อถามว่าพื้นที่เมือง พรรคก้าวไกลพยายามจะตี นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่แค่เฉพาะพรรคก้าวไกล มีหลายพรรค วันนี้เราจึงมาให้ความสำคัญด้วยการยกทีมใหญ่มา
เมื่อถามว่ากังวลถึงกระแสของพรรคก้าวไกลที่มาแรงช่วงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากอยู่
เมื่อถามถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทวีตข้อความจะกลับประเทศไทยในเดือนก.ค. โดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า “ท่านเป็นคุณพ่อ คุณตา และเป็นคุณปู่ ตรงนี้ก็น่าเห็นใจ เพราะท่านพูดมาว่า 17 ปีไม่ได้กลับบ้าน และอายุท่านก็มาก ท่านอยากจะกลับมา แต่ท่านพูดชัดเจนคือ การกลับเข้ามาตามกระบวนการยุติธรรม และไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เหนือสิ่งอื่นใดการที่ท่านประกาศจะกลับช่วงเดือน ก.ค. ก็เป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังรักษาการอยู่ ฉะนั้น ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ส่วนจะส่งผลเป็นแรงบวกหรือแรงลบ ประชาชนต้องตัดสินเอง ผมพูดในฐานะแคนดิเดตนายกฯ และคนเป็นพ่อว่าเห็นใจท่าน”
เมื่อถามว่าจากเนื้อหาการทวีตประเมินหรือไม่จะเป็นผลบวกหรือผลลบต่อการเลือกตั้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีการประเมิน เมื่อถามย้ำว่ามีคนออกมาตั้งขอสังเกตว่าเป็นการเรียกคะแนนให้พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีความเห็นตรงนี้
เมื่อถามถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงคนที่ออกมาพูดจะยึดกระทรวงคมนาคม ไม่ยกให้ใคร เป็นเรื่องไม่เหมาะสมเพราะยังไม่มีการเลือกตั้ง ยังไม่รู้ว่าใครจะได้ส.ส.เท่าไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตรงนี้ตนต้องขอความเป็นธรรม เพราะหลายพรรคก็พูดว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะเอากระทรวงใด กระทรวงคมนาคมก็เป็นกระทรวงหลัก และที่ตนไปพูดก็พูดกับสหกรณ์รถแท็กซี่ที่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคมโดยตรง
และถือเป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจที่พรรคเพื่อไทย มีความชำนาญในการบริหารอยู่แล้ว ตนไม่ได้ประกาศว่าจะยึด แต่มีคำถามมาว่าหากได้เป็นรัฐบาลก็อย่าไปยกกระทรวงนี้ให้คนอื่น ตนก็ตอบว่าใช่ ไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติประชาชน แต่ต้องไปดูทั้งหมดว่ามีบทสนทนาออกมาเช่นนั้น มีความเป็นมาอย่างไร ต้องขอความเป็นธรรม ตนไม่ได้ตั้งใจล่วงอำนาจประชาชน แน่นอนว่าต้องเลือกตั้งมาก่อน และต้องมีการประกาศผลจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่านายอนุทิน ระบุด้วยว่าคนที่ออกมาพูดไม่ได้มีอำนาจจริง นายเศรษฐา มีอำนาจมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมีความเข้าใจในการเมืองดี ว่า จริงๆ แล้วพื้นฐานของการเล่นการเมือง เราเข้ามาทำเพื่อประชาชน คนที่มีอำนาจจริงๆ คือประชาชน ตนไม่ปฏิเสธว่าตนไม่มีอำนาจจริง เพราะคนที่มีอำนาจจริงคือประชาชน