จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เมื่อมีคนร้ายใช้สารไซยาไนด์ สารพิษอันตรายคร่าชีวิตคน ซึ่งอาจมีมากนับ 10 ราย หากทางตำรวจตรวจสอบแล้วมีความเกี่ยวเนื่องกัน ทำเอาเพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าหมอชายแดน ออกมาเล่าเรื่องราวที่พบเจอว่า ที่ โรงพยาบาลแม่สอด ได้เคยวินิจฉัยโรคนี้ได้เมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ด้วยความสงสัยของแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินของเรา พญ.กมลวรรณ หรือ หมอพลอย พบคนไข้หญิงอายุราว 60 ปีญาติบอกว่าหลังกินข้าวเที่ยงแล้วไปนอนพักที่โซฟานาน 15 นาทีมีอาเจียนรุนแรงและสลบหมดสติไปทันที มาถึงโรงพยาบาลตอนบ่ายสองโดยญาติบึ่งรถยนต์มาจากบ้านใช้เวลา 15 นาทีคงมาแบบเร็วสุดเพราะระยะทางก็ไม่ได้ใกล้ ที่ห้องฉุกเฉินคนไข้โคม่า E1V1M1 แต่ยังหายใจเฮือก ไม่ขยับตัวเลยตัวอ่อนปวกเปียก ช็อคความดันต่ำ 80/50 mm.Hg แพทย์ห้องฉุกเฉินใส่ท่อช่วยหายใจทันที
ตอนแรกนึกถึงภาวะ stroke fast tract (โรคหลอดเลือดสมอง ตีบ/แตก) ผลเลือดแย่มากเลือดเป็นกรดรุนแรง pH 6.9 HCO3 7.8 (ค่าความเป็นด่าง) เม็ดเลือดขาวขึ้นมาก 20,000 ค่าแลคเตตซึ่งแสดงว่าอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรงมากกว่า 22 เกินเครื่องจะวัดได้( ปกติน้อยกว่า 2) นอกจาก stroke แล้วก็ยังนึกถึงภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย จึงจัดการส่งเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองพบว่าปกติดี ให้ยาปฏิชีวนะ ให้สารน้ำ ให้ยากระตุ้นความดัน ดูแลแบบผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ทำ Echo ตรวจหัวใจและอัลตราซาวน์ช่องท้องผลปกติ หัวใจบีบตัวดีมาก ตอนนั้นหมอพลอยก็บอกว่าประวัติมันแปลกๆมันรวดเร็วเกินไป ไม่มีไข้ไม่มีอาการติดเชื้อมาก่อนเลย เหมือนได้รับสารพิษอะไรบางอย่าง จึงโทรศัพท์ปรึกษาศูนย์พิษวิทยาโรงพยาบาลรามาธิบดีให้ความเห็นว่าถ้าไม่สามารถแยกโรคพิษจากไซยาไนด์ได้ให้รักษาเสมือนผู้ป่วยได้รับสารพิษไซยาไนด์ไปก่อนเพราะหากช้าผู้ป่วยจะไม่รอดชีวิต
- นักวิทยาศาสตร์ เผย ‘ไซยาไนด์’ ใช้ในห้องแล็บยังอันตราย แต่นี้ใช้ฆ่าคน!!
- สั่งเด้ง! รอง ผกก. สอบสวน สภ.บ้านโป่ง อดีตสามี ‘แอม มือวางไซยาไนด์’
- โผล่อีก! แม่คาใจลูกสาวตาย 7 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ‘แอม’ เชื่อมโยง 10 ศพ
หมอพลอยจึงรีบให้ antidote (ยาต้านพิษ) ซึ่งโชคดีมากที่โรงพยาบาลแม่สอดเรามี นั่นคือ 3% sodium nitrite 10 ml iv push และ 25% Sodium thiosulfate 3 amps iv push * 2 ครั้ง แก้ไขภาวะความเป็นกรดด้วยสารละลายด่างชนิดฉีด ต่อมาผู้ป่วยมีภาวะชักจึงได้ให้ยากันชักด้วย โชคดีที่หัวใจของผู้ป่วยยังไม่เป็นไรมีเพียงเต้นเร็วกว่าปกติ ด้วยความพยายามของแพทย์ห้องฉุกเฉินและแพทย์เวรอายุรกรรมในวันนั้นภายใน 12 ชั่วโมง ก็สามารถแก้ไขให้ผลเลือดกลับมาเป็นปกติได้หมดและผู้ป่วยสามารถเอาท่อช่วยหายใจออกได้ในวันรุ่งขึ้น เมื่อผลเพาะเชื้อต่างๆไม่พบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียจึงได้หยุดยาฆ่าเชื้อและสามารถให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ภายใน 5 วัน
ผลการตรวจเลือดที่ส่งตรวจกับทางศูนย์พิษวิทยาโรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่ามีสารไซยาไนด์จริง ปริมาณ 3.2 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร (ค่าปกติ <0.5) โดยเคสนี้คิดว่าได้รับสารไซยาไนด์ที่อาจมีการปนเปื้อนในอาหาร หรือ สารเคมีในบ้าน จากข้อมูลที่ว่าไซยาไนด์ในประเทศไทยเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต้องมีใบอนุญาตครอบครองใช้เป็นสารเคมีในอุตสาหกรรมทอง อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ การล้างภาพและพิมพ์เขียว เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดบางชนิด(ยาบ้า) เป็นสินค้านำเข้าของประเทศพม่าโดยผ่านทางประเทศไทย (เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้) นอกจากนี้ยังปนเปื้อนอยู่ในอาหารบางชนิดเช่น มันสำปะหลังดิบ หน่อไม้ดิบ ถั่วบางชนิด ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนไข้ชาวสวนกินมันสำปะหลังดิบแล้ววูบมาโรงพยาบาลแต่อาการไม่ถึงตายเพราะอาจจะได้รับเข้าไปเล็กน้อย
อยากให้ประชาชนทุกคนรับรู้ถึงพิษของมันและระมัดระวังในการรับประทานอาหารหรือน้ำที่อาจจะมีสารไซยาไนด์ปนเปื้อน หรือสูดดมอากาศที่มีไซยาไนด์ระเหย หากประมาทถึงตายได้
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY