เพื่อไทย ถกผู้ประกอบการอัญมณี ดันไทยเป็นฮับการค้าโลก สร้างงาน-รายได้

Home » เพื่อไทย ถกผู้ประกอบการอัญมณี ดันไทยเป็นฮับการค้าโลก สร้างงาน-รายได้



“ปานปรีย์” ควง “พวงเพ็ชร” นำทีมเพื่อไทย กทม. พบผู้ประกอบการอัญมณีฯ ดันไทยศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก ยัน พร้อมสร้างงาน สร้างตลาด สร้างรายได้

วันที่ 1 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่อาคาร Jewely Trade Center ถ.สีลม พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และกรรมการเลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ

นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กทม. พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ นายอรรฆรัตน์ นิติพน นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เข้าหารือผู้ประกอบการอัญมณีสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย)

นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60-70% สินค้ากลุ่มอัญมณีสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท สร้างการจ้างงานนับล้านตำแหน่ง แต่ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ทรมานผู้ประกอบการอัญมณีเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้นำเสนอทางออกข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลไม่รับฟัง เพราะไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว

นายสมชาย กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อยากเสนอให้ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก ซึ่งไทยมีศักยภาพหากได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างดีเพียงพอ ทั้งนี้ สมาพันธ์อัญมณีฯ เคยเสนอรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลดภาษีนำเข้าอัญมณี 20% เพื่อให้ผู้ประกอบการมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนั้นสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจอัญมณีในประเทศได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้แรงงานฝีมือมีรายได้ที่มากขึ้นด้วย ทั้งนี้ ทุกรัฐบาล ทั้งของนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ รับฟังเรา วันนี้เราถูกบีบจนหายใจไม่ออก

นายชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่า ขอเสนอแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ได้แก่ 1.รัฐอย่าขัดขวางผู้ประกอบการ กฎระเบียบ ต้องสนับสนุนผู้ประกอบการ เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการได้สร้างความแข็งแกร่งด้วยตัวเอง

2.รัฐอย่าเป็นคู่แข่งของเอกชน เนื่องจากที่ผ่านมาในการจัดแสดงสินค้าต่างๆ รัฐเป็นผู้จัดงานแบบไม่มีความรู้ความเข้าใจ เช่น จัดงานในลักษณะ Business to Business (B2B) แต่นำนักเรียน นักศึกษา มาดูงาน ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ ไม่สามารถสร้างยอดซื้อ และยังเป็นการนำภาษีมาใช้โดยเปล่าประโยชน์

ด้าน นายปานปรีย์ กล่าวว่า เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้ซื้อนิยมมาซื้ออัญมณีในไทยมากขึ้น หากจีนและอินเดียเติบโตจะทำให้อาเซียนเติบโตตามไปด้วย อยากให้ภาคเอกชนร่วมกันทำงาน หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมเข้าไปสนับสนุนเต็มที่ ทั้งอุตสาหกรรมอัญมณีและคนทำงานทุกด้าน รวมทั้งช่างฝีมือที่ยังรายได้น้อย อยากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนมากขึ้น

นายปานปรีย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ปัจจุบันเอสเอ็มอีมีปัญหาเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากสมาพันธ์อัญมณีฯ สามารถออกใบรับรองเอสเอ็มอีในลักษณะเป็นกลุ่ม จะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน สามารถเพิ่มศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดในประเทศและตลาดโลกได้ ส่วนด้านการส่งออกรัฐบาลมีความสำคัญอย่างมากในการจัดหาตลาด เพื่อแนะนำศักยภาพของอัญมณีไทย

นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ทีมงานของพรรคเพื่อไทยมีนโยบายแบ่งการทำงาน 15 คณะ เอสเอ็มอีของไทยต้องได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะการดูแลจากภาครัฐ และกฎหมายต่างๆ อยากให้เชื่อมั่นว่าภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการได้ เราเข้าใจประชาชนมากกว่ารัฐบาลทหาร อยากให้มอบความมั่นใจให้พรรคเพื่อไทย

ขณะที่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า แนวทางของพรรคในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ มี 5 ด้าน ได้แก่ 1.A new chapter of Thailand of Investment ไทยจะกลายเป็นประเทศเปิดเชื่อมโลก ผ่านการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ไทยจะกลายเป็น FDI intensive country ในบริบทใหม่ที่ต่างจากเดิม ด้วยการเปิดโอกาสให้กับเอสเอ็มอี ทั้งต้นทุน การจ้างงาน กฎหมาย และการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ

โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อภาครัฐ รวมถึงการดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ จะมีการเปิดเขตธุรกิจใหม่นำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ กทม. ขอนแก่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ จะยกเว้นและมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีรายได้ และภาษีนิติบุคคล 2.A new chapter of Thailand of Digital economy ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า 3.A new chapter of Thailand of Logistic ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินด้วยโมเดล Multi Airport หลายสนามบินต้องทำงานร่วมกัน การใช้บริการสนามบินต้องไม่กระจุกตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว รถไฟความเร็วสูง เชื่อมเขตธุรกิจใหม่ผ่านทางรถไฟเชื่อมต่อลาว เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง

4.A new chapter of Thailand of Education เชื่อม 3 ฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา เข้าด้วยกัน เอกชนจะมีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตรมากขึ้น โดยเรามีแนวคิดสนับสนุนการออกใบรับรองความเชี่ยวชาญที่มีมาตรฐานแทนใบปริญญาเพื่อให้ได้ต่าตอบแทนที่สูงขึ้น และ 5.A new chapter of Thailand of Tourism เรามองตลาดใหม่ๆ อย่างนักท่องเที่ยวอินเดีย ดึงดูดเข้ามาในประเทศ และจะให้ความสำคัญกับการจัดมหกรรมระดับโลก ทั้งนำมหกรรมต่างประเทศมาจัดในไทย และเทศกาลในไทยให้มีความเป็นสากลมากขึ้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ