อช.สาละวินจับกุม เผาป่าเกินแปลงที่ทำกิน ในโครงการ ‘แม่ฮ่องสอนโมเดล’ เห็นจนท.วิ่งหนีเข้าป่า จ่อยึดที่รับรองสิทธิทำกินคืน ชี้ผิดทั้งคดีอาญา-แพ่ง

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.66 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับรายงานจาก นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง ว่า ในเมื่อเวลา 11.00 น. ของวานนี้ (17พ.ค.) นายมิตร อุตมะ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ นายติณณ์ วงรินยอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสาละวิน นำกำลังออกตรวจลาดตระเวนในเขตอุทยานฯสาละวิน

เมื่อถึงบ้านห้วยยาก ต.แม่คง อ.เเม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน พบกลุ่มบุคคล เป็น ชาย-หญิง จำนวน 3 คน กำลังล้อมรั้วลวดหนามบริเวณแปลงที่ทำกิน คณะเจ้าหน้าที่จะเรียกสอบถามแต่ทั้ง 3 คน วิ่งหลบหนี พร้อมถือมีดเข้าป่า เจ้าหน้าที่วิ่งติดตามแต่ไม่ทัน เมื่อติดตามไปที่บ้านอยู่อาศัยของผู้กระทำผิด แต่ไม่พบตัว คาดว่าหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปแล้ว

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบแปลงพื้นที่ทำกินดังกล่าว พบตัดต้นไม้ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมทั้งมีแปรรูปไม้ เผาไม้ จนเหลือแต่ตอ และนำเศษไม้ปลายไม้ที่ไม่สามารถนำมาทำเป็นสินค้าได้มาเผา ส่วนใหญ่ไม้ที่ถูกเผาเป็นไม้ตระกูลก่อและไม้เต็งรัง

เจ้าหน้าที่ได้รังวัดจับพิกัดด้วยเครื่องวัดสัญญาณดาวเทียม ความละเอียดสูง (GPS) ในจุดบริเวณที่ตัดไม้ เผาป่าและพื้นที่ทั้งหมด พบว่าเป็นการบุกรุกขยายออกไปจากแปลงที่ดินทำกินเดิม เนื้อที่ 3 ไร่ จากพื้นที่เดิม 2.9 ไร่ ซึ่งเป็นแปลงที่ทำกินตามโครงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ (แม่ฮ่องสอนโมเดล)

ปรากฏว่าเป็นของ น.ส.แดง ราษฎรบ้านห้วยยาก ม.5 ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เบื้องต้นตรวจยึดอุปกรณ์การกระทำผิด เสียม 1 เล่ม ลวดหนาม 3 ขด และไม้กระยาเลยแปรรูป 2 แผ่น พร้อมกล่าวโทษต่อ พนักงานสอบสวน สภ.แม่สะเรียง เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดรายนี้

อธิบดีกรมทรัพยากรฯ กล่าวอีกว่า ทางอุทยานแห่งชาติสาละวินจะนำผลคดีส่งให้สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นป่าอนุรักษ์ เพื่อเพิกถอนแปลงอนุญาตตามแผนแม่ฮ่องสอนโมเดล ตาม ม.64 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ต่อไป

สำหรับโครงการ “แม่ฮ่องสอนโมเดล” เป็นโครงการนำร่องการใช้ประโยชน์ที่เกื้อกูลธรรมชาติ และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยการมีส่วนร่วมของราษฎรผู้อาศัยในพื้นที่ มีเงื่อนไขสำคัญคือ “ชุมชนต้องช่วยดูแลรักษาป่าที่เหลืออยู่มิให้ถูกทำลายอีก”

ทั้งนี้เพื่อให้คนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการเข้ามาบุกรุกพื้นที่เกินจากที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องสอบสวนเจ้าของผู้ทำประโยชน์ ส่วนการดำเนินการจะต้องมีขั้นตอน การตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี สามารถดำเนินคดี ทั้งทางแพ่ง และทางอาญา ซึ่งจะได้เร่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป