'จตุพร' ชี้ตั้งรัฐบาลแทบเป็นศูนย์ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่โหวตให้ ฟันธงม็อบมีโอกาสลงถนน

Home » 'จตุพร' ชี้ตั้งรัฐบาลแทบเป็นศูนย์ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่โหวตให้ ฟันธงม็อบมีโอกาสลงถนน



‘จตุพร’ ชี้ตั้งรัฐบาลแทบเป็นศูนย์ 313 เสียงก็ตั้งไม่ได้ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่โหวตให้ ถึงทางตันการเมือง จับตากกต.พิจารณาคุณสมบัติ ‘พิธา’ ม็อบมีโอกาสลงถนน

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.66 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงคดีนำม็อบบุกบ้านป๋าเปรม เมื่อปี 2550 ว่า ไม่มีความกังวล เพราะยังไงก็จำคุกอยู่แล้ว ในสำนวนแรกสารภาพในชั้นฎีกา ซึ่งทำไม่ได้ ตนเคยโทรศัพท์ขอกราบอโหสิกรรมกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์เรามีทั้งเรื่องที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

เพราะฉะนั้นคดีนี้จำเลยเหลือ 7 คน แต่ว่าคดีขาดอายุความไป 5 เหลืออยู่ 2 คน รอคดีแรกให้ยุติ ถึงจะพิจารณาสำนวน 2 ตนไม่สู้คดีอยู่แล้ว ยอมรับความจริง น้อมรับคำพิพากษาของศาล และก็จะยื่นอุทธรณ์และใช้หลักทรัพย์เดิม จำนวน 300,000 บาท วันนี้ตนไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด แม้ตนจะมีความเห็นไม่ตรงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในการหาเสียงที่ผ่านมา

ตนวิจารณ์ทุกฝ่าย ทำหน้าที่ฐานะประชาชนหาทางออกให้บ้านเมือง ตนเคยบอกให้ทุกฝ่ายต้องหลอมรวมกัน ต้องคุยกัน ไม่งั้นเราจะมาเจอกับด่าน สว.ด่านรัฐธรรมนูญ กับดักมากมาย ให้ทำสัญญาประชาคมร่วมกัน ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านจะมีทางออกร่วมกัน จนกระทั่งมีโอกาสที่จะลงเดินท้องถนนกันใหม่ ตนก็ไม่อยากจะเห็น ไม่ต้องการวีรชนเพิ่ม

นายจตุพร กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลว่า ต้องยอมรับความเป็นจริงการจัดตั้งรัฐบาลจะ 6 พรรคหรือ 8 พรรค 313 เสียงก็ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะว่ารัฐธรรมนูญ บัญญัติในช่วงระยะเวลา 5 ปี ต้องใช้ เสียงเกินครึ่งของรัฐสภา คือ 375 + 1 หรือ 376 แม้ว่าจะมีส.ว. บางคนรวมด้วยแล้ว จะมีตัวเลขถึงจำนวนดังกล่าว

“ความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลแทบจะเป็นศูนย์ ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่ากลไกลักษณะนี้ ถ้าต้องการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอจนส.ว.หมดอายุในเดือนพฤษภาคมปีพ.ศ 2567 ณ วันนี้เราเดินมาถึงทางตันของการเมือง ส.ว.โดยส่วนใหญ่แสดงเจตนาที่จะไม่โหวตให้ใคร ทำให้ไม่สามารถมีเสียงถึงจำนวนที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ นี่คือทางตันทางการเมือง แม้จะมีความคิดวิธีอื่น แต่ผมเชื่อว่า เป็นเรื่องที่ทำยากมากที่สุด คือพรรคร่วมในจำนวน 8 พรรค ไปจับมือกับอีกฟากหนึ่ง แล้วจะถูกประณามทั้งแผ่นดิน

วันนี้ภาวะประเทศถึงทางตัน ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็หวังไว้ แต่มองหาความสำเร็จไม่เจอ หนำซ้ำในช่วง 2 เดือนนี้ยังไม่รู้ว่า กกต. จะลงมือตามคำร้องอย่างไร ไม่ว่าเรื่องคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เรื่องการยุบพรรค 5 พรรคการเมือง ซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนเป็นหลักกันทั้งสิ้น ยังไม่นับใบแดง เหลือง ส้ม ที่จะแจกกันอีก ดังนั้นจุดชี้ขาดการเมืองตอนนี้อยู่ที่ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ” นายจตุพร กล่าว

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลแทนได้หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยจะซื่อสัตย์กับพรรคก้าวไกลหรือไม่ ถ้าพรรคเพื่อไทยซื่อสัตย์จับมือก็จะได้ 313 เสียง วันนี้ที่ส.ว. พยายามจะส่งเสียงก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ บอกว่าถ้าเป็นพรรคเพื่อไทยก็พอรับกันได้ แต่ถึงเวลาก็รวมไม่ได้อยู่ดี แต่พรรคร่วมจะ 6 หรือ 8 พรรค ต้องมีความซื่อสัตย์ให้กัน

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ตนบอกนายพิธาว่า วันนี้ให้ลงสัตยาบันกันเสียว่า จะไม่ทิ้ง ไม่แยกจากกัน เพราะยังไม่ได้ลงนามอย่างเป็นทางการ เพียงแค่จับมือ ก็รอสะบัดมือกันได้ตลอดเวลา พวกเก๋าเกมการเมืองบอกว่า นี่คือละครฉากแรกเท่านั้น ถึงไม่ทรยศต่อกัน ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ใช่ว่าข้ามฟากและทรยศหมู่มิตรโดยอ้างว่า เป็นการทำเพื่อหาทางออกให้ประเทศ แต่ความจริงก็เป็นการหาทางออกให้กับตนเอง ตนไม่ต้องการคำว่าเสียสัตย์เพื่อชาติเกิดขึ้นอีก

“ผมไม่เชื่อว่าพรรคที่ได้เสียงข้างน้อยในปัจจุบันจะกล้าจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะจะเป็นการท้าทายประชาชน ดังนั้นต่างฝ่ายต่างยืนอยู่ 3 จุดแบบนี้และจัดการไม่ได้บีบกันไปเรื่อยๆ แต่ยังมีจุดชี้ของสถานการณ์ ก็คือกกต.ในห้วงระยะเวลา 2 เดือนนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนมากมาย” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า มีโอกาสสูงที่จะเกิดการลงถนนหลังจากนี้ ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังการเคลื่อนไหวให้มาก และอย่าปล่อยให้เกิดช่องว่างหรือสร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่การรัฐประหารได้ อะไรควรทำ ไม่ควรทำ ก็ขอให้ระลึกเอาไว้ทุกฝ่าย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ