เปิดใจ ตา72 อยู่ลำพังกับร่างภรรยา21ปี เหมือนตอนยังมีชีวิต ก่อนตัดสินใจเผา มูลนิธิเร่งช่วยเหลือ

Home » เปิดใจ ตา72 อยู่ลำพังกับร่างภรรยา21ปี เหมือนตอนยังมีชีวิต ก่อนตัดสินใจเผา มูลนิธิเร่งช่วยเหลือ



เปิดใจ ตา72 อยู่ลำพังกับร่างภรรยา21ปี เหมือนตอนยังมีชีวิต ก่อนตัดสินใจเผา มูลนิธิเร่งช่วยเหลือ เผยคุณตาอยู่คนเดียว ไร้ไฟฟ้าใช้

วันที่ 30 เม.ย.2565 ที่มูลนิธิเพชรเกษม กรุงเทพ ซอยรามอินทรา 23 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. นายบัญชา ศรีนิลพันธ์ รองประธานมูลนิธิ เปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์” ถึงกรณีคุณตาวัย 72 ปี เก็บร่างภรรยาที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวไว้ในบ้านพักนานกว่า 21 ปี ซึ่งเป็นรักแรกพบและรักนิรันดร์ ก่อนประสานให้ทางเจ้าหน้าที่นำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

นายบัญชา กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.00 น วันที่ 29 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา ร.ต.ชาญ จันทร์วัชรกาล อายุ 72 ปี อดีตข้าราชการแพทย์ทหารเกษียณอายุ เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือทางมูลนิธิเพื่อไปรับศพภรรยาที่เสียชีวิตจากโรคประจำตัวตั้งแต่ปี 2544 และเก็บร่างไว้ภายในเพิงพัก ที่ปลูกสร้างขึ้นมาในพื้นที่รกร้างย่านรามอินทรามานานกว่า 21 ปี เพื่อนำไปฌาปนกิจ เนื่องจากเกรงว่าตัวเองจะเสียชีวิตก่อนเพราะเข้าสู่วัยชรา และอาจไม่มีโอกาสบอกลาคนรักเป็นครั้งสุดท้าย

นายบัญชา กล่าวว่า เมื่อเดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุพบเป็นพื้นที่ว่างเปล่า มีต้นไม้และเถาวัลย์ปิดปกคลุมไปทั่วพื้นที่โดยรอบ อยู่ในเนื้อที่ 195 ตารางวา โดยพบเพิงพักปลูกสร้างด้วยปูนอยู่ด้านในสุดของสถานที่ดังกล่าว เมื่อเข้าไปสำรวจภายในพบร่างผู้เสียชีวิตจริง ซึ่งอยู่ในสภาพแห้งนอนอยู่ในโลง เมื่อสอบถามคุณตาจึงได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงปี 2544 ภรรยาเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ป่วยด้วยโรคความดันจนเป็นเหตุให้เส้นเลือดในสมองแตกและเสียชีวิต

ระหว่างการรักษาตัวเพียง 3 วัน ที่รพ.พระกุฎเกล้า ก่อนคุณตาจะนำร่างคนรักไปสวดพระอภิธรรม ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ แต่ไม่ยอมเผา ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากทำใจไม่ได้และขอนอนเฝ้าคนรักแบบนี้มานานกว่า 21 ปี ก่อนตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากทางมูลนิธิเพราะเกรงว่าจะสิ้นอายุไขก่อน จากนั้นทางมูลนิธิจึงพาคุณตาไปยังสำนักงานเขตบางเขน พื้นรื้อค้นประวัติการเสียชีวิตของภรรยา

โดยไม่พบข้อพิรุธแม้แต่อย่างใด ก่อนนำร่างไปฌาปนกิจที่วัดสาครสุ่นประชาสรรค์ ในช่วงบ่ายของวันนี้ ตามความประสงค์ของคุณตา หลังจากนี้นายสหชาติ ลิ้มเจริญภักดี ประธานมูลนิธิ ได้ประสานเจ้าหน้าที่เข้าช่วยคุณตาเรื่องการอยู่อาศัยเพียงลำพัง เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้มีเพียงน้ำประปาจากเพื่อนบ้านที่ติดกันคอยช่วยอนุเคราะห์ พร้อมจะนำทีมลงพื้นที่ทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากรกร้างและเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากสัตว์มีพิษ

ด้านร.ต.ชาญ เปิดเผยว่า ระหว่างที่ตนอยู่กับร่างภรรยาก็ใช้ชีวิตเหมือนอยู่ด้วยกันตามปกติ เมื่อตนมีเรื่องหรือปัญหาอะไรก็บอกกล่าวกับร่างภรรยาให้รับรู้ทุกเรื่องเสมือนช่วงชีวิตที่เราอยู่ด้วยกัน ส่วนสาเหตุที่ตนไม่เผาร่างภรรยาและเก็บไว้มานานกว่า 21 ปีนั้น เนื่องจากเป็นรักแรกพบและตลอดระยะเวลาที่คบกันไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง อยู่กันด้วยความเข้าใจมาโดยตลอด ตนจึงทำใจไม่ได้ที่จะพลัดพรากจากกันไป

“สำหรับการตัดสินใจที่จะเผาร่างภรรยา เนื่องจากเกรงว่าจะสิ้นอายุไขไปเสียก่อน จึงปรึกษากับบุตรชายเพื่อดำเนินการประสานให้ทางมูลนิธิเข้าช่วยเหลือเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไปเก็บอัฐิภรรยา แต่จะไม่มีการลอยอังคาร ตนจะเก็บเถ้ากระดูกคนรักไว้ในโกศอัฐิและจะนำกลับมาไว้ยังสถานที่แห่งเดิม เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก และจะอยู่กับตนไปตราบสิ้นลมหายใจสุดท้ายของชีวิต” ร.ต.ชาญ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ