เปิดผลงานเด่นบนเส้นทางสีกากีของ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “ผบ.ตร. คนใหม่”

Home » เปิดผลงานเด่นบนเส้นทางสีกากีของ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “ผบ.ตร. คนใหม่”

วันที่ 27 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ “บิ๊กต่อ” ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 14 กลายเป็นผู้นำคนใหม่แห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครองนาม “พิทักษ์ 1” ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และทันทีที่ได้รับตำแหน่ง บิ๊กต่อก็ลงพื้นที่โชว์ผลงานบุกจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ทันที ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของวงการสีกากีของไทย แต่ก่อนจะขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนใหม่ บิ๊กต่อมีผลงานอะไรบ้าง Sanook พาไปเจาะลึกผลงานเด่นบนเส้นทางสีกากีของบิ๊กต่อคนนี้กัน

  • พลิก! พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผงาด ผบ.ตร.คนที่ 14 หลังก่อนหน้านี้มีมติเลื่อนแต่งตั้ง!
  • ประวัติ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “มือปราบสายธรรมะ” อดีตพนักงานบริษัทน้ำมัน
  • ทำทันที! “บิ๊กต่อ” ประเดิมงานแรก ผบ.ตร. นำบุกจับยาเสพติดล็อตใหญ่ ซุกบ้านพักที่นครปฐม

น้องชายราชเลขานุการในพระองค์

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ บิ๊กต่อ เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี เป็นน้องคนเล็กในบรรดาพี่น้อง 5 คน และเป็นน้องชายของ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์และเลขาธิการพระราชวัง สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถือเป็น “สิงห์แดง” รุ่นที่ 38 และปริญญาโท ศิลปศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม 

บิ๊กต่อเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัท บริษัทน้ำมันคาลเท็กซ์ จำกัด นานถึง 7 ปี ก่อนตัดสินใจลาออกเพื่อเดินหน้าทำตามความฝันในวัยเด็ก คือการเป็น “ตำรวจ” โดยบิ๊กต่อได้เข้าหลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 ในช่วงปลายปี 2540

เริ่มต้นเส้นทางสายตำรวจ

แม้ไม่ได้เรียนจบจากโรงเรียนนักเรียนนายร้อย แต่บิ๊กต่อก็มีผลงานโดดเด่นไม่แพ้นายตำรวจจากรั้วสามพราน โดยบิ๊กต่อเริ่มต้นทำงานบนเส้นทางสีกากี ในตำแหน่ง “รองสารวัตร” สังกัดกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ในปี 2541 ด้วยวัย 33 ปี ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตตำรวจด้วยอายุที่มากพอสมควร 

หลังทำงานได้ 2 ปี บิ๊กต่อก็ติดยศร้อยตำรวจโท และไปเรียนที่โรงเรียนสืบสวนวิทยาการตำรวจ รุ่นที่ 71 อ้างอิงจากสำนักข่าวเดลินิวส์ ออนไลน์ ที่เคยสัมภาษณ์บิ๊กต่อ ระบุว่า รุ่นที่บิ๊กต่อไปเรียนเป็นรุ่นนครบาลล้วน “เมื่อก่อนเขาจะไปคัดตัวจากโรงเรียนสืบสวนมา พวกที่ได้ที่ 1,2,3 เพื่อมาอยู่กองปราบฯ ตนเองสอบได้ที่ 3 ก็เลยได้มาเป็นรองสารวัตร แผนก 3 กอง 2 บ้านจาก 191 มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ร้อยตำรวจโท เป็นรองสารวัตรอยู่ 7 ปีเศษ จนครบหลักเกณฑ์” 

ตำรวจที่ได้ “ยกเว้นหลักเกณฑ์”

สิ่งที่น่าสนใจบนเส้นทางการทำงานของบิ๊กต่อ คือการขึ้นสู่ตำแหน่งที่ได้รับการ “ยกเว้นหลักเกณฑ์” จาก ก.ตร. อย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี 2561 – 2562 ตั้งแต่ตำแหน่งรองผู้บังคับการกองปราบปราม ก่อนจะย้ายไปหน่วยคอมมานโด ซึ่งบิ๊กต่อได้ขึ้นเป็นผู้บังคับการคนแรกของ “กองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ” ซึ่งต่อมาหน่วยดังกล่าวถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904” และเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น “กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ” ซึ่งอยู่ภายใต้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยบิ๊กต่อได้รับการยกเว้นจาก ก.ตร. ทั้งที่หลักเกณฑ์กำหนดว่าต้องเป็นรอบผู้บังคับการไม่ต่ำกว่า 5 ปี 

ต่อมาในช่วงปี 2562 บิ๊กต่อได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์อีกครั้ง เพื่อจะได้ขึ้นเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้หลักเกณฑ์กำหนดว่าต้องรอครบ 2 ปีตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้ง และในปี 2563 บิ๊กต่อก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมติดยศเป็น พล.ต.ท. 

การยกเว้นหลักเกณฑ์ทำให้บิ๊กต่อใช้เวลาเพียง 4 ปีกว่าๆ ในการเลื่อนตำแหน่งจาก พ.ต.อ. มาเป็น พล.ต.ท. จากนั้นก็ได้ขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในปี 2564 ก่อนจะขึ้นรับตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ในปี 2565 

มือปราบมาเก๊า888

หลายครั้งที่ประชาชนจะได้เห็นบิ๊กต่อสวมเครื่องแบบพร้อมอาวุธครบมือ ถือปืนนำหน้ากองกำลังคอมมานโด ปฏิบัติภารกิจกวาดล้างมือปืนผู้มีอิทธิพล โดยมีผลงานโดดเด่นทั้งการกวาดล้างขบวนการพนันออนไลน์เครือข่ายมาเก๊า888 ตัดวงจรสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทลายเครือข่ายขบวนการหลอกขายข้อมูลส่วนบุคคล และแก๊งลอบเข้าข้อมูลระบบขนส่งเพื่อปรับแต่งเล่มทะเบียนสวมรถหรู 

นอกจากนี้ บิ๊กต่อยังเป็นตำรวจที่เน้นการพัฒนาระบบ เวลาเดินทางไปดูงานต่างประเทศก็หยิบยกข้อดีของแต่ละสถานที่มาต่อยอด เพื่อพัฒนาบุคลากรในองค์กร นำผลวิจับมาปรับโฉมรถสายตรวจ ให้เป็นสีสะท้อนแสง เพื่อง่ายต่อการมองเห็นเวลากลางคืน และจุดประกายนำ “ปืนช็อตไฟฟ้า” มาใช้ เพื่อลดความสูญเสียของผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนปรับปรุงระเบียบปืนสวัสดิการ แก้ไขเรื่องอาวุธปืนหลวงถูกนำไปขาย และนำ QR Code มาใช้ตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังถอดบทเรียนให้ความรู้เรื่อง “หนี – ซ่อน – สู้ แอคทีฟ ชู้ตเตอร์” เพื่อรับมือสถานการณ์กราดยิง 

บิ๊กต่อได้รับฉายา “มือปราบสายธรรมะ” และ “โรโบคอปสายบุญ” เพราะเป็นนายตำรวจที่ใช้หลักธรรมในการทำงาน และเดินสายปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ อีกด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ