เกิดคำถาม? ความในใจจากด่านหน้า อุทิศชีวิตเดียวเพื่อคนไข้ กลับถูกปฏิเสธการ “ฉีดวัคซีน”

Home » เกิดคำถาม? ความในใจจากด่านหน้า อุทิศชีวิตเดียวเพื่อคนไข้ กลับถูกปฏิเสธการ “ฉีดวัคซีน”

เกิดคำถาม? จากความในใจจากด่านหน้า อุทิศชีวิตเดียวเพื่อคนไข้ กลับถูกปฏิเสธการ ฉีดวัคซีน เสียงจากบุคลากรด่านหน้า “เราต้องการเพียงความปลอดภัย”

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผู้ที่เป็นเสมือนฮีโร่ และผู้ที่เสียสะสมมากที่สุดคือ กลุ่มบุคลากรหน้าด่าน บุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ทางกลางสงครามของเชื้อไวรัสที่น่ากลัว แต่ที่ผ่านมายังคงมีเสียงจากกลุ่มบุคลากรหน้าด่านที่ไม่ได้รับความเท่าเทียบในการรับวัคซีน หรือ ความไม่พร้อมของอุปกรณ์การทำงาน ซึ่งเป็นความในใจของคนทำงานเพื่อคนอื่น

  • ไม่เหมือนที่คุยกันไว้! รพ.ขอนแก่น ทวน “ไฟเซอร์”ให้หน้าด่าน 1,400 คน กลับได้รับแค่ 700 โดส
  • ทำไมทำกับเราแบบนี้? หมอโพสต์หมดกำลังใจ หลังต้อง จับฉลากฉีดไฟเซอร์ ล่าสุดโพสต์ปลิวแล้ว!

ล่าสุดอีกหนึ่งเสียงจากบุคลากรหน้าด่านที่เผยว่า ด่านหน้าอย่างพวกเรา…ยังคงถูกปฏิเสธการฉีดวัคซีน กัดฟันสู้เพื่อโรงพยาบาล อุทิศชีวิตเดียวที่มีนี้เพื่อคนไข้

“บันทึกรอยแผลของช่วงชีวิตนี้ไว้ในความทรงจำ”
ท้ายที่สุดของการรอคอยอย่างมีความหวัง คือด่านหน้าอย่างพวกเรา…ยังคงถูกปฏิเสธการฉีดวัคซีน เหลือเชื่อจริงๆที่รายชื่อด่านหน้าไม่กี่ตึกรวบรวมยากเย็น เห็นรายชื่อคนที่ได้รับแล้วเราเจ็บปวดใจแทนด่านหน้าทุกคนที่กัดฟันสู้เพื่อโรงพยาบาล อุทิศชีวิตเดียวที่มีนี้เพื่อคนไข้ บางคนไม่ได้ทำงานในรพ.แล้วด้วยซ้ำ บางคนคือใครจากไหนไม่รู้

เราสงสารตัวเองที่เชื่อมั่นว่าผู้บริหารจะเห็นคุณค่าของพวกเรา แต่กลับปล่อยให้สิทธิที่เราควรได้รับถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา หรือจริงๆแล้วเห็นความเป็นความตายของเราเป็นเรื่องตลกร้าย เรามีกันแค่คนละหนึ่งชีวิตและเป็นคนที่คลุกคลีกับคนไข้โควิดจริงๆ แล้วเราควรเรียกร้องหาความยุติธรรมได้จากใคร

นาทีนี้ยอดสะสมคนไข้เป็นแสน ทุกคนเสี่ยง แต่จริงๆแล้ว priority คืออะไร คือใคร งงไปหมดแล้ว ตอนนี้คนหน้างานเหนื่อย สะบักสะบอมทั้งร่างกายและจิตใจเหลือเกิน ยังจะให้เขาเดินต่อไปข้างหน้าด้วยภูมิคุ้มกันที่เปราะบางนี้จริงหรือ ตอนนี้พวกเรากำลังเฝ้าคนไข้โควิดตรงหน้า ในขณะที่ใครต่อใครกำลังได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพนั้นและคิดว่าทำไมการที่เราต้องการเพียงความปลอดภัยเพื่อที่จะไปดูแลคนไข้ต่อมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้”

และอีกหนึ่งเสียง ที่เล่าว่า “หมดใจ หมดศรัทธาแต่เดิมถูกละเลยอยู่แล้ว ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อคนไข้ เพราะเบื้องบนไม่เคยจะช่วยบรรเทาเหตุการณ์ที่หนักหน่วงได้เลย ตอนนั้นคนไข้โควิดค้างในอีอาร์20กว่าเคส ไหนจะเคสฝากบลาๆ เกย์ออกซิเจนหมด ทางรพ.ไม่สามารถจัดสรรมาให้ได้ทันที เราก็ต้องขอรับบริจาคมาทันทีเพราะคนไข้เรารอไม่ได้ อุปกรณ์ N95 face shield ในวอร์ดหมด พวกเราก็ต้องหาซื้อมาใช้กันเองให้ได้ จนมาวันนี้แหล่ะมันเกินไป รพ.ได้รับไฟเซอร์มาเพื่อให้บุคลากรด่านหน้าที่ต้องดูแลคนไข้โควิดต่อ กลับไม่ได้รับความยุติธรรม เมื่อรายชื่อผู้มีสิทธิ์ฉีดไฟเซอร์ออกมา รายชื่อคนด่านหน้าตกหล่น ทางรพ.ตั้งเกณฑ์ขึ้นมาใหม่โดยไม่อิงตามของทาง สธ. ทำให้วัคซีนที่นำเข้ามาเพื่อให้ด่านหน้า กลับถูกใครไม่รู้ที่ไม่เคยแม้แต่เคยเจอคนไข้โควิดหรือไม่รู้จักชุดPPEด้วยซ้ำมาสวมรอยขโมยวัคซีนไป เมื่อตั้งคำถามกับทางผู้บริหารกลับได้คำตอบคือความเงียบ แบบนี้จะให้เราชาวด่านหน้ารู้สึกยังไง ไม่ใช่ว่าคุณไม่ควรได้รับวัคซีนนะ แต่คุณควรลำดับความสำคัญ หรือมีจิตสำนึกด้วยว่าใครควรได้ฉีดก่อนและใครรอได้ แล้วใครจะดูแลคนไข้ของเราหากบุคลากรด่านหน้าไม่มีอีกต่อไป…”

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว 

ข่าวที่น่าสนใจ

ดับสยอง! เบียร์ อาปาเช่ ยูปเบอร์ดัง น้อยใจเพื่อน นอนให้รถไฟทับ ขาด 2 ท่อน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ