ฮือฮา พบจิ้งจก 2 หัว มี 4 ตา 4 ขา 1 หาง ลำตัวเดียวกัน ให้โชคถูกหวย 3 งวดติด เจ้าของเชื่อให้โชคลาภ ชาวบ้านรู้ข่าวมาติดต่อขอซื้อ แต่ไม่ขาย

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มี 2 สามีภรรยา เลี้ยงจิ้งจก 2 หัวไว้ ซึ่งจิ้งจกตัวดังกล่าวให้โชคมาแล้ว 3 งวดติด จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบกับ นายเสกสันต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี นางปัทมา (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี 2 สามีภรรยา อาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งใน จ.ราชบุรี ที่เปิดเป็นอู่ซ่อมรถยนต์

นำจิ้งจกตัวเล็กที่เลี้ยงไว้ในกะละมัง ออกมาให้ผู้สื่อข่าวดู พบว่าลักษณะแปลกประหลาด เพราะมี 2 หัว 4 ตา 4 ขา 1 หาง ลำตัวเดียวกัน ผิวหนังสีเทา-ขาว ลายขวางบริเวณขาทั้ง 4 ข้าง และหาง ซึ่งยังมีชีวิต ชอบกินน้ำแดง เม็ดข้าวสุก สามารถจับเล่นได้ ซึ่งเชื่อว่ามาให้โชคลาภ เนื่องจากเลขทะเบียนรถยนต์ หมายเลข 4160 ของที่บ้านให้โชคถูกหวย 3 งวดติดกัน ก่อนหน้าที่มาเจอจิ้งจก 2 หัว

นางปัทมา กล่าวว่า เชื่อเรื่องสายมูอยู่แล้ว ที่บ้านก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาทิ แม่นางกวัก กุมารเทพ ปลัดขิก หรือจะเป็นรกแมว ซากลูกกอกแมว ต่อเงิน ต่อทอง อะไรดีเรื่องการค้าขาย โชคลาภ ตนก็มักจะนำมาบูชา และก็ได้ตามที่ขอมาโดยตลอด ส่วนจิ้งจก 2 หัวตัวที่พบภายในบ้านนี้ เจอแล้วรู้สึกแปลกใจ แต่มักจะมีเรื่องเกี่ยวกับโชคลาภต่างๆ

นางปัทมา กล่าวต่อว่า ไม่ได้งมงาย แต่มีความเชื่อ ถ้าไม่เจอกับตัวเอง เพราะเป็นคนชอบทำบุญ ตั้งมั่นอยู่ในความดี ชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและด้อยโอกาส แม้บางครั้งจะไม่มีใครเห็น แต่ตนเชื่อว่าโชคชะตาเห็น โดยเฉพาะตนทำมาค้าขาย ก็จะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ มักจะสำเร็จในทุกๆ เรื่อง

“ส่วนจิ้งจก 2 หัว ตั้งใจจะเลี้ยงไว้ให้นานเท่านาน ไม่คิดจะขาย แม้มีผู้สนใจมาขอซื้อ ก่อนหน้าผู้ที่ทราบข่าวมาขอชมบ้าง ขอบูชาบ้าง และขอเลขเด็ดจากจิ้งจกบ้าง ซึ่งก็บอกไปว่าแล้ว แต่บุญและโชควาสนาของแต่ละคน แต่ชาวบ้านก็เชื่อกัน เพราะก่อนหน้านี้เลขทะเบียนรถยนต์ 4160 งวดที่ออกเลข 106 และ 64 ก็ถูกมาแล้ว” นางปัทมา กล่าว

ด้านนายเสกสันต์ สามีของ นางปัทมา กล่าวว่า ไม่เคยห้ามภรรยา ที่มีความเชื่อในเรื่องของสายมู เพราะคิดว่าไม่ได้เสียหายอะไร ไม่ได้งมงาย เพราะเจอมากับตนเอง เนื่องจากประกอบอาชีพอู่ซ่อมรถยนต์ ทำมา 26 ปี ช่วงที่ไม่มีงาน ก็จะของานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะมีงานทำตลอด สำเร็จมาตลอด ทุกครั้งก็จะมีของมาถวายหรือ ไปทำบุญตามสถานที่ต่างๆ แทน

ที่มา มติชนออนไลน์