อุทยานวิทย์ ม.แม่โจ้ สร้างคนรุ่นใหม่ พัฒนา ‘ข้าวเจ้าก่ำหอมแม่โจ้ 1 เอ’

Home » อุทยานวิทย์ ม.แม่โจ้ สร้างคนรุ่นใหม่ พัฒนา ‘ข้าวเจ้าก่ำหอมแม่โจ้ 1 เอ’



อุทยานวิทย์ ม.แม่โจ้ สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ พัฒนา ‘ข้าวเจ้าก่ำหอมแม่โจ้ 1 เอ’ ข้าวเจ้าหอมเพื่อสุขภาพ คุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวาน

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. รศ.(พิเศษ) ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ในฐานะโฆษก อว. เปิดเผยว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ภายใต้กองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กปว.) สำนักงานปลัด อว.ดำเนินโครงการสร้างกำลังคนและทักษะแห่งอนาคตในภูมิภาค เพื่อตอบโจทย์การพัฒนานวัตกรรมของประเทศและโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นในภูมิภาคด้วยองค์ความรู้ภูมิปัญญาและนวัตกรรม ซึ่งกำกับดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(สกสว.) ผ่านแผนงานการพัฒนาระบบนิเวศเพื่อสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Entrepreneurial Ecosystem Development)

โดยอุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการช่วยเหลือสนับสนุนผู้เข้าร่วมพัฒนาทักษะด้านการเป็นผู้ประกอบการ ทีมข้าวหอมแม่โจ้ ทำผลิตภัณฑ์ข้าวเจ้าก่ำหอมแม่โจ้ 1 เอ ข้าวเจ้าหอมเพื่อสุขภาพ เป็นข้าวกล้องสีดำที่มีกลิ่นหอมนุ่มพิเศษ ไม่แข็ง หุงง่าย ไม่ต้องแช่ มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น มีปริมาณสารแกมมาไรซานอล สารต้านอนุมูลอิสระรวม แอนโทไซยานิน วิตามินบี 1 และธาตุเหล็กสูง จากงานวิจัยเมล็ดพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ใหม่พัฒนาสู่รูปแบบธุรกิจของผลิตภัณฑ์ข้าวเจ้าก่ำหอมแม่โจ้ 1 เอ ข้าวเจ้าหอมเพื่อสุขภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีข้าวที่เหมาะใน การดูแลสุขภาพและผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควบคุมปริมาณการบริโภคน้ำตาล

โฆษก อว.กล่าวต่อว่า อุทยานฯ ได้พัฒนาทักษะด้านการเป็นผู้ประกอบการ ทั้งการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ การออกแบบธุรกิจโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และการวิเคราะห์กลยุทธ์ธุรกิจเบื้องต้น การขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และการขอมาตรฐานของสถานที่ผลิต การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญากับการดำเนินธุรกิจนวัตกรรม เป็นต้น ปรากฎว่าภายหลังจากการทดสอบความเป็นไปได้ทางการตลาด ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นที่น่าพึงพอใจ ทางทีมจึงได้ปรึกษาและวิเคราะห์ผลการตอบรับจากลูกค้า และต่อยอดธุรกิจฯโดย ได้วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งปรับขนาดบรรจุภัณฑ์และปริมาณการบรรจุข้าว ขนาด 250 กรัม ตามข้อเสนอแนะของลูกค้าส่วนใหญ่ ปรากฎว่ามียอดขายเพิ่มสูงขึ้น

“หลังจากทดลองตลาดระยะที่ 1 ลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ กลับมาซื้อซ้ำมากกว่าร้อยละ 50 โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มช่วงวัยเกษียณ อายุ 60-75 ปี และกลุ่มผู้หญิงวัยกลางคน แม่บ้าน อายุ 30-55 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จน่าพอใจ สามารถสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่โตมาจากมหาวิทยาลัยได้” รศ.(พิเศษ) ดร.ดวงฤทธิ์ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ