หนุ่มโหด ขับกระบะพุ่งชนแฟนเก่าสาหัส ขณะซ้อนจยย.แฟนใหม่ แถมจะเหยียบซ้ำ อ้างไม่ตั้งใจ แม่เผยคบกันไม่ถึงปี ใช้ไม้ตีหัว ขวดแก้วแทงคอ ขู่ฆ่า

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 18 เม.ย. 2566 สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ริมถนนสาย 33 ป่าโมก-สุพรรณฯ หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. อ.ป่าโมก มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย จึงตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพ รพ.ป่าโมก และสมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทองที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บว 3381 พระนครศรีอยุธยา จอดอยู่ริมฟุตปาธ ใกล้กันมีรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ หมายเลขทะเบียน 9 กฆ 6921 กรุงเทพมหานคร ล้มอยู่ และพบ น.ส.เจนจิรา อาย 31 ปี บาดเจ็บสาหัส นอนไม่ได้สติ มีเลือดไหลออกทางหัวและหู เบ้าตาปูด สะโพกหัก จึงรีบนำส่ง รพ.ป่าโมก ก่อนถูกส่งไปรักษาต่อที่ รพ.อ่างทอง

สอบถามนายเอ นามสมมติ อายุ 39 ปี คนขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ กล่าวว่า ตนขับรถจักรยานยนต์มากับ น.ส.เจนจิรา แฟนสาว เพื่อเอาเอกสารไปให้การที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดอ่างทอง เรื่องที่ น.ส.เจนจิรา เคยถูกนายอ๊อฟ หรือเก่ง นุชพันธ์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นแฟนเก่า ทำร้ายร่างกาย

นายอ๊อฟ คนขับกระบะ

นายเอ กล่าวต่อว่า ระหว่างทางพบนายอ๊อฟขับรถยนต์กระบะตามมา แล้วพุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ของตนขึ้นไปบนฟุตปาธ ทำให้ตนกระเด็นตกข้างทาง ส่วน น.ส.เจนจิรา นอนหมดสติอยู่ที่ริมฟุตปาธ นายอ๊อฟยังพยายามจะขับรถทับ น.ส.เจนจิรา ตนจึงหยิบก้อนหินขว้างไปที่ประตูรถยนต์ของนายอ๊อฟ แล้วดึงตัวออกมา ก่อนชกต่อยกัน จนมีชาวบ้านและเด็กปั๊มเข้ามาห้าม

สอบสวนนายอ๊อฟให้การอ้างว่า ตนต้องการจะเข้าไปถามเรื่องคดีเก่าที่ตนทำร้าย น.ส.เจนจิรา โดยจะขับรถยนต์ปาดหน้า แต่เบรกไม่อยู่ ทำให้ไปชนท้ายรถจักรยานยนต์อดีตแฟนสาวที่มากับแฟนใหม่จนรถล้ม ตนไม่เห็นว่าอดีตแฟนอยู่ใต้ท้องรถ จึงเสยขึ้นฟุตปาธ โดยไม่มีเจตนาที่จะชน

น.ส.กิติยากร อายุ 53 ปี แม่ของ น.ส.เจนจิรา กล่าวว่า นายอ๊อฟคบหาอยู่กับลูกสาวไม่ถึงปี และเลิกคบกันนานกว่า 2 เดือนแล้ว ที่ผ่านมานายอ๊อฟทำร้ายร่างกายลูกสาว โดยใช้ไม้ตีหัวและใช้ขวดแก้วแทงคอเป็นคดีความกันอยู่ แต่นายอ๊อฟได้ประกันตัวออกมา และขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย หลังลูกสาวบอกเลิก แต่นายอ๊อฟไม่ยอมเลิก ยังตามราวีมาตลอด

หลังการสอบสวน ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาพยายามฆ่า แต่นายอ๊อฟปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาที่จะชน จึงจะเร่งตรวจสอบหาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และรอสอบปากคำ น.ส.เจนจิรา หากอาการดีขึ้น เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป