สุดสตรอง! "บุ๋ม ปนัดา" ผ่าคลอดปุ๊บ เดินเล่นปั๊บ เผยไม่ได้ตั้งใจปิด แต่ขอชัวร์ ลูกครบ 32

Home » สุดสตรอง! "บุ๋ม ปนัดา" ผ่าคลอดปุ๊บ เดินเล่นปั๊บ เผยไม่ได้ตั้งใจปิด แต่ขอชัวร์ ลูกครบ 32



สุดสตรอง! “บุ๋ม ปนัดา” ผ่าคลอดปุ๊บ เดินเล่นปั๊บ เผยไม่ได้ตั้งใจปิด แต่ขอชัวร์ ลูกครบ 32

ถือฤกษ์เลขสวยและเวลามงคล คลอดลูกชายมาให้ได้ยลโฉมไปแล้วเมื่อวานนี้ วันที่ 22 /11/2022 เวลา 11.11 นาที สำหรับพิธีกรมากความสามารถ “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” พร้อมตั้งชื่อว่า น้องอเล็กซ์ ด.ช. อนันท์ อนันทวรรณ

ล่าสุด บุ๋ม ปนัดดา พร้อมคุณหมอ นพ.บุรินทร์ นุชนิยม ได้ตั้งโต๊ะแถลงหลังคลอดลูก เคลียร์ทุกประเด็นที่เกิดขึ้นก่อนคลอดทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปิดบังเรื่องท้อง ไปซุ่มแต่งงาน ตอนไหน รวมถึงวิธีจัดการชาวเน็ตที่คอมเมนต์รุนแรง

บุ๋ม เผยว่า “ผ่าคลอดเมื่อวานนี้ค่ะ 11 โมง 11 นาที ไม่ได้ดูฤกษ์อะไรค่ะ แต่แม่ชอบช้อปปิ้งเท่านั้นเอง คือไม่ใช่อะไรหรอก (หมายถึงช่วง 11.11 ขาช้อปจะรู้ว่าเหล่าแบรนด์ต่างๆกระหน่ำลดราคา) เห็นเลขสวยดี เมื่อวานจะเป็นวันที่ 22 เดือน 11 แล้วก็ปี 2022 เพราะมันเป็นเลขสวยสวยก็เลยตอนผ่าขอเป็น 11 โมง 11 นาทีแล้วกันจะได้เลขสวยๆกันหมดเลย แต่ก็มีซินแสมาดูให้ว่าเลขดีนะเป็นเลขมงคลก็เลยรู้สึกดีจังว่าสิ่งที่เราเลือกมันเป็นช่วงเวลาที่ดีของเขา”

ความรู้สึกในการคลอดว่ามันตื่นเต้นขนาดไหน? “คือตอนแรกคิดว่ามันไม่น่าจะตื่นเต้น เพราะว่ามันเป็นคนที่สองแล้ว เราก็คิดอย่างงั้น เพราะว่าเราก็เคยผ่าคลอดมาแล้ว แต่ว่ามาถึงเวลาจริงๆตื่นเต้นมาก คือมันตื่นเต้นมากค่ะ เพราะว่าห่างมานาน 16 ปีกับอันดา ก็เลยตื่นเต้นไปหมดเลย พูดตรงๆนะมันตื่นเต้นลามไปถึงของใช้เด็กที่เราแอบเปิดดูในเว็บ

คือมันทันสมัยขึ้นเยอะมาก มีอะไรหลากหลายมาก มีเปลหลายแบบมาก และเวลาที่เข้าห้องคลอดแล้วเทคโนโลยีอะไรมันก็เปลี่ยนไป แล้วคุณหมอเขาก็ทำงานกันเป็นทีม ดูแลดีมากเลย กลายเป็นว่าเราตื่นเต้น แต่ว่าเราก็เชื่อมือ”

เห่อขนาดไหนในการเป็นคุณแม่? “คือตอนที่เขาออกมาเราทำการบล็อกหลัง ข้างล่างเรามันก็จะไม่ค่อยรู้สึก แต่สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อบอกคือเขาบอกว่าน้องออกมาแล้ว แล้วพอน้องออกมาเขาร้องไห้เรากลับรู้สึกมันฟูในใจ คือเรารอเห็นหน้าเขามานานมาก เราได้ยินเสียงร้องเขาก่อนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวเลยนะคือดีใจค่ะที่ว่าในที่สุดเราก็ได้เห็นหน้าเขา ตอนเห็นก็หันกลับไปถามพ่อเขาว่าครบ 32 ไหม ผิวสีเหมือนใคร เข้มเหมือนพ่อหรือขาวเหมือนแม่ ก็มีแอบถามแบบนั้น

แต่พอมาปุ๊บ คือจริงๆ แล้วแบบไหนก็ได้ยังไงน้องก็หล่อสำหรับแม่ เรื่องชื่อลูก คุณพ่อเขาเป็นคนคิด ยกหน้าที่ให้เป็นของคุณพ่อเขานามสกุลน้องก็ อนันทวรรณ นามสกุลคุณพ่อ ก็เลยเป็น “อนันท์ อนันทวรรณ” ก็จะชื่อคล้องจองกัน

แต่ว่าเราคือเราชอบเล่นโซเชียลเนาะเราก็บอกว่าคุณๆ พ่อๆ ไม่ได้หรอกไม่งั้นจะกลายเป็น มิสเตอร์แอ่นแอ๊น (an an) ก็เลยบอกว่าไม่ได้พ่อ เดี๋ยวเพื่อนล้อ ก็เลยเอาเป็นชื่อเล่นว่า อเล็กซ์ อย่างน้อยมีชื่อภาษาอังกฤษเวลาไปต่างประเทศจะได้เรียกกันง่ายๆ ก็เลยกลายเป็นน้องอเล็กซ์ ด.ช. อนันท์ อนันทวรรณ

ด้านสุขภาพน้องเป็นยังไงบ้าง? “สุขภาพน้องเนื่องจากว่าเป็นการผ่าคลอดทำให้มีน้ำคร่ำค้างอยู่ในปอดนิดนึง น้องจะหายใจเร็วกว่าปกติก็เลยยังต้องอยู่ในตู้อบให้มีออกซิเจนช่วยนิดหน่อย ก็เลยทำให้ไม่สามารถกอดกันอย่างฟัดเหวี่ยงได้เต็มที่ แต่คุณหมอก็ดูแลและอธิบายทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน”

แม่มองหน้าน้องแล้วหน้าตาเหมือนใคร? “คือแม่มองไม่ออก ตายังบวมๆ เด็กเกิดใหม่จะหน้าตาคล้ายกันหมด กล้ามเนื้อหน้ายังไม่ทำงาน แต่น้องเกิดมามีปานก็เลยจำได้ว่านี่คือลูกชายเหมือนใส่นาฬิกาไว้ตลอด ขาวแม่แต่จมูกพ่อเขา หน้าพ่อเขา ตอนอัลตร้าซาวด์มันไม่เห็นสีผิวไง เลยอยากรู้ว่ามีอะไรเหมือนฉันบ้าง”

คนมองว่าแม่สตรอง อายุขนาดนี้ยังมีลูกได้ มีเคล็ดลับยังไง?ต้องบอกว่าแล้วแต่สายพันธุ์นะ เพราะตระกูลดิฉัน เนื้อ นมไข่และไขมัน คุณยาย 50 ก็ยังมีลูกอยู่ คลอดน้าสาวคนเล็กตอน 50 ก็เลยคิดว่าตระกูลเราติดลูกง่ายมากค่ะ แต่เพียงที่ผ่านมาก็มีคุมอะไรปกติ แต่ทีนี้ด้วยวัยและอยากมี ก็เลยคิดว่ามาก็มา แต่พอด้วยวัยที่ 46 พอท้องสิ่งที่เราจะต้องคิดก็คือลูกจะปกติไหม อันนี้เป็นเรื่องที่เรากังวลเลยไม่บอกใครในช่วงแรกเลย

เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเขาไม่ปกติ หรือว่าหลุดออกมา อย่างน้อยก็เสียใจเฉพาะในครอบครัว แต่ถ้าเราประกาศไปแล้ว และเขาไม่อยู่กับเรา มีอะไรเกิดขึ้นที่หมอแนะนำต้องเอาออกคนก็จะพูดกันว่า เป็นไงล่ะ ปล่อยให้ท้อง อายุขนาดนี้แล้ว ก็โดนอยู่ ก็เลยรู้สึกว่า เราขอไปเงียบๆ แต่ถ้ารู้ก็คือรู้ ไม่ได้ปิดอะไร ทีมงานรู้ค่ะ อย่างหลายช่องก็มาสัมภาษณ์แม่บ่อย ก็ไม่เห็นทักนะ จับไม่ได้ ก็ยืนให้สัมภาษณ์ปกติ ก็ไม่มีใครทักว่าท้อง

บุ๋มอาจจะเป็นคนที่อวบแต่ไหนแต่ไร พอท้องก็ไม่มีใครจับสังเกตุว่าท้องรึเปล่า อาจจะอวบขึ้น ก็ไม่กล้าทักแม่ว่าลงพุง ไม่มีใครทัก ก็เลยไม่ได้บอก ใจจริงบุ๋มอยากเห็นโมเมนต์เขาก่อนว่าวันที่เขาคลอดออกมา เขาสมบูรณ์ ถึงบอกทุกคน มันเป็นความรู้สึกที่แม่ 40 กว่าหลายคนเป็นเหมือนบุ๋มค่ะ พอมาที่โรงพยาบาล ขั้นตอนคนที่อายุ 40 กว่าท้อง ต้องทำมากกว่าคนอื่นมั้ย ก็นิดนึง ทางคุณหมอจะเป็นคนอธิบายว่าทำอะไรบ้าง”

คุณหมอ : “คุณบุ๋มเป็นคุณแม่ตัวอย่างที่ดีนะ เพราะการที่คนอายุเกินปกติเล็กน้อยในการตั้งครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้อย่างปกติ น้องอเล็กซ์แข็งแรงสมบูรณ์ ในนามของโรงพยาบาลก็ยินดีที่คุณบุ๋มให้ความไว้ใจโรงพยาบาลในการที่จะทำให้คุณแม่ที่อายุ 30 กว่าขึ้นไปตั้งครรภ์ได้อย่างแข็งแรง ต้องใช้ความร่วมมือกับคุณแม่อย่างสูง บวกกับทีมแพทย์ คุณบุ๋มมีแพทย์ประจำตัวที่ดี”

บุ๋ม : “เราต้องส่งเลือดไปทางอเมริกา”

พอรู้ว่าท้องต้องเริ่มกระบวนการอย่างไรในวัย 40 กว่า? “คือการตรวจว่าเขาปกติค่ะ มีการตรวจเลือดเอาผลเลือดทุกอย่างไปตรวจที่อเมริกา เขาจะเป็นดาวน์ซินโดรมไหม ปกติไหม ทุกอย่างมีขั้นตอนของมัน และลุ้นทุกขั้นเลย ผลที่ได้ออกมาเขาจะอยู่กับเรารึเปล่า คือเราอยากได้เขา แต่มันเป็นการลุ้น และอัลตราซาวด์ทุกครั้งมันเป็นการลุ้นว่าเขาโตไหม

ผลปรากฎว่าเขาโตมากกว่าเด็กเกณฑ์เดียวกัน กินเก่งมาก แข็งแรงมาก เพียงแต่ว่าในช่วงระหว่างการทาง บุ๋มเป็นโควิด ตอนนั้นท้อง 5 เดือน สหแพทย์ต้องมารุมบุ๋มเยอะมาก ท้อง 5 เดือน ยาปกติเหมือนที่คนติดโควิดก็กินไม่ได้ เพาาะว่านี่คือคนท้อง ก็เลยกลายเป็นว่าอาการหนักกว่าคนอื่น และน้ำหนักลงไป 5 กิโล ในช่วงที่เป็นโควิด ตอนนั้นทีมแพทย์ก็เหนื่อยอยู่เหมือนกัน ว่าสุขภาพของแม่และลูกจะเป็นอย่างไร ตอนนั้นเครียดพอสมควรค่ะ”

ไปลงพื้นที่น้ำท่วมมา? “ตอนไปลงพื้นที่ต้องบอกก่อนว่าทีมงานไม่ทราบว่าบุ๋มท้อง แล้วมันเป็นเรื่องความปกติของพวกเราบุ๋มว่ายังไงก็ต้องลุยน้ำ เพราะเราต้องเอาข้าวของไปให้ชาวบ้านใกล้ที่สุด ดังนั้นจะโทษเขาไมได้ว่าพาลงน้ำ เขาไม่รู้จริงๆ เพราะกระทั่งตอนที่อ่างทองบุ๋มก็ท้อง 7 เดือนกว่าแล้ว ก็ยังลากเรือช่วยชาวบ้านอยู่

เพราะคุณหมอบอกให้ทำตัวตามปกติ เราก็ทำตัวตามปกติ (ยิ้ม) แต่คุณหมอก็มีโทรมาถามว่าไปแช่น้ำมาเหรอ อย่าลงน้ำลึกนะ ไม่เกินเข่านะ หมอบอกว่าให้ทำตัวตามปกติ แต่ปกติของคนทั่วไปไม่เหมือนของบุ๋ม หลายคนมารู้ทีหลังก็ตกใจเหมือนกัน บุ๋มก็ลุยของบุ่มเหมือนเดิม ลูกคลอดมาก็เป็นกู้ภัยเหมือนบุ๋มนี่แหละ”

ทำไมไม่เลือกแจ้งให้เขาทราบจะได้ช่วยระมัดระวัง? “ถึงบอกว่าต้องรอดูผลด้วยค่ะ ผลจากอเมริกาเป็นยังไง มันต้องดูหลายๆ อย่าง ไม่อยากจะประกาศให้ใครรู้ ถ้าเราประกาศปุ๊บกิจกรรมที่เราทำทุกอย่าง งานที่เราทำ คนก็จะเบรก มันน่ารำคาญ บุ๋มบอกแบบนี้เลยบุ๋มไม่ใช่สายเรียบร้อย บุ๋มเป็นสายห้าว ดังนั้นการที่บุ๋มอยากจะทำอะไรเหมือนเดิมก็ต้องไม่บอก

เราก็สามารถทำกิจกรรมเหมือนเดิมจนถึงวันคลอดเห็นไหม (ยิ้ม) ไม่ได้ถือเคล็ดอะไรขนาดนั้นด้วย เพียงแค่กลัวถึงความสมบูรณ์ของน้อง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็เสียใจภายในครอบครัวแค่นั้นเอง ไม่ได้ปิดอะไร ใครรู้ ใครถามก็บอก ทีมช่อง 9 ที่ถ่ายรายการกันอยู่ก็รู้วันลอยกระทง 2 อาทิตย์ก่อนคลอดเท่านั้นเอง เราบอกตรงๆ ว่าท้องนะ ทุกคนก็ถามท้องเมื่อไหร่ๆ”

คุณพ่อน้องว่ายังไงบ้าง?เขาดีใจมากค่ะ เพราะเขามีลูกสาว 3 คนแล้ว บุ๋มก็มี 1 คน เป็นผู้หญิงหมดเลย พอมีลูกชาย 1 คน ก็ดีใจ ตอนที่อยู่ในห้องคลอดก็ถามเขาว่ารู้สึกยังไงบ้างกำลังจะเจอลูกแล้วนะ เขาบอกเดี๋ยวรอคนต่อไป เราก็บอกเดี๋ยวๆ (หัวเราะ) ก็พอก่อนๆ คือเขาเองก็อยากได้ลูกผู้ชายอยู่แล้ว เขาทำอสังหาฯ เขาซื้อที่ไว้เยอะ แต่เวลาเราพาลูกสาว 4 คนไปเที่ยว เขาก็ไม่สายลุย

แต่เราสองคนสายลุยก็อยากได้ใครสักคนที่มาดูแลสวน ซึ่งพี่ๆ ทั้ง 4 สาวเขาก็เห่อน้องกัน ถึงขนาดจะลาเรียนกันมาเลย เราก็ให้ไปเรียนก่อนค่อยมาเจอตอนเย็น แต่ของ “อันดามัน” ขาดเรียนเป็นครั้งแรก ปกติแม่จะพาไปต่างประเทศ ทริปจะหรูแค่ไหนก็ไม่ไป ทุกคนรู้ว่าอันดาบ้าเรียนมาก แต่ครั้งนี้ยอมขาดเรียนช่วงบ่ายเพื่อมาดูน้อง แล้วก็เดินตามดูน้องตลอดเลย

เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่สนแม่ด้วย เดินตามน้องอย่างเดียว แต่เขาบอกว่าอย่างน้อยผิวน้องก็เหมือนแม่ เขาลุ้นอยู่ว่าจะเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่มากกว่า เราก็เคยถามตั้งแต่ก่อนท้องแล้วว่าถ้ามีน้องจะยังไง เราก็ต้องแคร์ความรู้สึกเขา เขาก็บอกมีได้ตามสบายแต่หนูต้องเป็นผู้จัดการมรดก แต่เมื่อวานพอเจอหน้าน้องก็บอกว่าหนูเป็นผู้จัดการมรดกได้นะ แต่ต้องอายุ 18 ก่อน ดูกฎหมายมาแล้วด้วย (หัวเราะ)”

ลูกชายคนนี้ได้เลือกเพศไหม หรือว่าธรรมชาติ? “ธรรมชาติค่ะ บังเอิญมากเลย ก็ใช้นามสกุลพ่อค่ะ”

หลายคนต้องพึ่งกระบวนการการแพทย์ แต่เราธรรมชาติ? “ก็ถ้าฝ่ายชายคนที่บอกสตรองมากคือชัชชาติ ฝ่ายหญิงก็ปนัดดานี่แหละค่ะ ก็เป็นความแข็งแรงค่ะ”

ความรู้สึกแรกตอนรู้ว่าเป็นลูกชาย? “จริงๆ ชายหรือหญิงก็ได้สำหรับบุ๋มนะ แล้วเราอยู่ท่ามกลางคนที่หลากหลายทางเพศ พูดตรงๆ เราไม่สนเลยว่าน้องจะเกิดมาเป็นยังไง แต่เราสนว่าน้องมีความสุขกับชีวิตไหม แข็งแรงสมบูรณ์ไหมขอแค่นั้นเอง”

อันนี้ทำหมันเลยไหม? “คุณชายเขาไม่ยอมให้ดิฉันทำหมัน คนที่บ้านบอกให้ทำเดี๋ยวติดอีก”

ได้คุยกับหมอไหมว่าถ้าจะต้องมีน้องอีกคนนึงหลังจากคนนี้เราสามารถมีได้ถึงอายุเท่าไหร่
หมอ “ถ้าอยู่ความพร้อมของแต่ละคนเลย สมัยก่อนตามตำราก็อายุเกินเท่านี้ๆ ไม่ควรจะมีบุตรแต่เดี๋ยวนี้ คุณบุ๋มถ้าไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่นึกว่า 25-26 มันอยู่ที่ร่างกายเรา ถ้าร่างกายดีคุมอาหารดีจิตใจแจ่มใสมันก็จะดี”

หลังจากนี้แม่จะเลี้ยงเองหรือจะมีพี่เลี้ยง หรือจะพักงานไปดูแลลูกอย่างเต็มที่? “ทุกคนรู้คำตอบ ไม่พักค่ะ ตอนนี้เตรียมโปรเจ็กต์หลายอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทำเอง รายการทีวีที่เพิ่ม ละครที่ค้างอยู่ หนังอีก 3 เรื่อง หนังซีรีส์เกาหลีแถลงข่าววันที่ 30 นี้แล้ว เปิดตัวร้านข้าวแกงนางงามราคา 10 บาท ที่รังสิตคลอง 4 วันที่ 15 ธันวาคมเรียนเชิญทุกท่าน”

ก็ต้องปั๊มนมไปด้วย? “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นอาจจะปั๊มเสร็จแล้วค่อยไปเปิดงาน”

กลัวจะติดน้องไหม? “คือเมื่อกี้ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะยังไงเรามามีลูกอีกทีนึงตอนอายุเยอะแล้ว แล้วเมื่อกี้หอมเขาคือไม่อยากวางเลยน่าฟัดมากบอกเลย แต่ว่าตอนนี้น้องยังมีภาวะหายใจเร็วเลยยังออกมาเจอพี่ๆ ไม่ได้ ต้องขอโทษพี่ๆ ด้วยเพราะยังต้องมีออกซิเจนช่วยนิดนึง

ส่วนคุณพ่อเขานั่งเฝ้านอนเฝ้ามาตั้งแต่วันแรกแล้วแล้วพยาบาลก็เข้าออกตลอดเขาก็จะตื่นตลอดกลางวันก็เลยสลบมาเข็นรถเข็นโชว์ไม่ได้ ภาพที่หลายคนต้องการคุณพ่อเข็นรถเข็นคุณแม่เข้ามาไม่มีนะคะ เดินเองค่ะ”

ภาวะที่น้องเป็นสักพักก็จะหายไปใช่ไหม? หมอ “ใช่ครับ ภาวะแบบนี้เกิดได้ในเด็กทารกปกติเลย อยากน้องเรารู้ว่าปกติจากน้ำหนักจากการทำอัลตราซาวด์ทุกเดือนแต่ว่าพอเปลี่ยนอากาศจากอยู่ในท้องออกมาข้างนอก หายใจเร็วได้ ปกติจะหายได้เองแต่บางครั้งก็เสริมด้วยออกซิเจนซักวันสองวันก็จะดีขึ้นไม่ต้องกังวลครับ”

ปกติต้องตื่น 2- 3 ชั่วโมงมาปั๊มนม แม่เป็นยังไงบ้าง? “ปกติต้องตื่นมารับเคสอยู่แล้ว ก็อาจจะปั๊มนมไปแล้วก็ส่งเคสไปด้วย มีกิจกรรมทำตอนปั๊มนมก็ดี”

กิจกรรมที่ต้องไปช่วยคนต่างจังหวัดจะทำยังไง? “ช่วงเดือนแรกคุณหมอไม่น่าจะให้ไป เพราะคงลุยน้ำไม่ได้ มีแผลผ่าตัด เดือนแรกขอก่อนนะ ประชาชนช่วยเหลือตัวเองก่อนนะ (ยิ้ม) แต่เดือนต่อไปก็ว่ากัน แต่ด้วยโปรแกรมหนัง ละครทุกอย่างคือเริ่มมกราคม

แต่ปลายธันวาคมก็เริ่มถ่ายแล้วค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ จัดเวลาได้ จากการที่เลี้ยงลูกหลายคน ทั้งลูกสามี 3 คน ลูกดิฉัน 1 คน ลูกเลี้ยงอีก 9 คน ลูกบุญธรรมเนอะ แต่ทุกคนได้ดีนะ ดังนั้นคุณไม่ต้องห่วง น้องอเล็กซ์ดีเลิศแน่นอน (ยิ้ม)”

แต่แข็งแรงมาก เพิ่งคลอด แต่เดินออกมาให้สัมภาษณ์เองได้แล้ว? “เมื่อกี้ขำหน้านักข่าวมาก เดินเข้ามาทุกคนทำหน้าช็อก (หัวเราะ) แม่เดินแล้ว เขาเรียกว่ามิติใหม่แห่งการคลอดไร้ตะเข็บค่ะ (หัวเราะ) คือรู้ว่าท้องวันจันทร์ คลอดวันอังคาร แถลงข่าววันพุธ (ยิ้ม)”

ก่อนคลอดเจอคอมเมนต์ด้านลบเยอะ เราจะจัดการยังไง? “ล่าสุดทนายร่างฟ้องเรียบร้อยแล้วค่ะ คือก็มีคอนเมนต์ต่างๆ จากสำนักข่าวที่เขียนข่าวกัน และบอกว่าเพิ่งรู้ว่าบุ๋มแต่งงาน แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้บุ๋มไม่เคยปิดนะคะ รายการไหนถามหรือใครถามก็บอกตลอด เพียงแต่ว่ารายการที่ไปทอล์กวันนั้น ตอนที่บุ๋มท้องประมาณ 5 เดือน เพิ่งมาออนช่วงนี้

ช่วงที่มีข่าวว่าดาราคนนี้ท้องหรือไม่ท้อง ก็เลยกลายเป็นว่าทุกคนก็เพิ่งมารู้ว่าปนัดดาแต่งงานแล้ว ซุ่มเงียบ แต่ไม่ได้ซุ่มนะคะ คุณลองนึกภาพผู้ชาย 49 ผู้หญิง 46 ไปยืนนานๆ มันปวดเอ็นร้อยหวาย จะยืนรับแขกอะไรเป็นชั่วโมงมันไม่ไหว และเพื่อนดิฉันเยอะจะตาย ดิฉันรู้จักคนเยอะจะตาย คนเป็นพันแน่นอน ให้ยืนขนาดนั้นมันไม่ไหว ก็เอาตังค์ไปจ่ายค่าเทอมลูกดีกว่า ก็แค่นี้เอง ไม่ได้ซุ่มเงียบอะไรเลย ใครถามก็ตอบ

เพียงแต่ไม่ได้มานั่งป่าวประกาศหรือว่าลงโพสต์โซเชียลอะไร และพี่ก็อตเองก็ถึงขนาดที่ว่าเขาไม่ชอบลงสื่อกับเราสักเท่าไหร่ กลายเป็นคนก็ถามว่าปนัดดาท้องกับใคร ทำไมถึงมีข่าวนี้เกิดขึ้นด้วย คนก็เลยไปขุดประวัติพี่ก็อตกันใหญ่เลย บางคนก็เขียนเป็นตุเป็นตะว่าพลาดไง ยังไม่ทันจะแต่งงานเลยท้องแล้ว อะไรแบบนี้

คือด่าไปก่อนโดยที่เขาไม่รู้ความจริงว่าแต่งมา 2 ปีแล้ว และตั้งใจมี ถ้ามีได้ก็มี ก็ไม่ได้ซุ่มเงียบอะไร และไม่ได้แอบแต่งงานอะไร เพียงแต่เป็นสไตล์ผู้ใหญ่ๆ ที่ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมาก กินข้าวเฉพาะในครอบครัวเท่านั้นเอง”

พี่ก็อตว่ายังไงบ้างพอเจอเรื่องราวแบบนี้? “คืนนั้นคือเรากำลังไฟต์อยู่ คนนั้นคนนี้ก็เก็บข้อมูลมาให้เรา เป็นเพจจริงมั้ยหรือเป็นเฟสปลอมมั้ย ก็สู้กันทั้งคืน ผลปรากฎว่าตอนเช้าคุณก็อตตื่นมาแล้วบอกว่า คุณไปสนใจเรื่องของโซเชียลทำไม อยู่กับความเป็นจริงดีกว่า โลกเราก็แค่นี้ เลยโดนเทสต์ไปหนึ่งกัณฑ์ (ยิ้ม) คุณเขาธรรมะธรรมโม เขาบอกว่าอย่าไปสนใจคำพูดคนอื่น เรารู้ตัวเองดีกว่าเราทำอะไรอยู่ ความเป็นจริงคืออะไร สนใจ ณ ปัจจุบันและตัวเราดีกว่า”

เรื่องฟ้องร้องจะจัดการยังไง “ล่าสุดแจ้งความเรียบร้อยแล้วนะคะ”

เข้ารอบกี่คน “ประมาณ 7-8 คน”

เขามีติดต่อมาขอโทษมั้ยมีค่ะ แต่ไม่ได้ติดต่อมาขอโทษ แต่ติดต่อมาว่าเป็นเฟซปลอม บุ๋มก็บอกว่าถ้าเป็นเฟซปลอมคุณต้องเป็นคนไปแจ้งความ เพราะเราไปแจ้งให้ไม่ได้ เราต้องแจ้งความว่าใครเป็นคนมาด่าเรา มันต้องคนละหน้าที่กัน มันถึงจะเป็นการรวมพลังกัน อย่าง Rsiam เขาก็จะแจ้งของเขา เราก็จะแจ้งของเรา จะได้เข้าไปด้วยกัน

คือเขาก็ไม่มีสิทธิที่จะเอารูปคนอื่น หรือเอาโปรไฟล์คนอื่นมาด่าคนอื่นแบบนี้ ของบุ๋มก็ร่างฟ้องไป เรื่องไอพีเราหาเจออยู่แล้ว ใครใช้จริงใช้ปลอม เพราะตอนนั้นที่ดิฉันโดนรูปปลอมก็เจอตัวได้เหมือนกัน

จะเอาเรื่องถึงที่สุดเลยมั้ย หรือรับแค่คำขอโทษ “บุ๋มตกใจมากเลยนะคะ เพราะเป็นครั้งแรกในประวัติกาลที่มีพี่ๆ ดาราโทรกันมาหาเยอะมาก บอกว่าบุ๋มอย่ายอม เพราะที่ผ่านมาบุ๋มยอมหมดเลย บุ๋มไม่เคยฟ้องใครเลยนะคะ ขี้เกียจมีเรื่อง เราอาจจะสายไฟต์ ดูบวกก็จริง แต่เอาจริงๆ ให้อภัย และเราไม่อยากมีเรื่องมีราว

แต่ครั้งนี้ทุกคนโทรมาบอกว่าบุ๋มช่วยสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้หน่อยเถอะ และดาราอย่างเราโดนด่ากันแบบนี้ บุ๋มผิดอะไรที่มีลูกกับผัวตัวเอง และโดนด่าว่าสำส่อน เป็นเคอร์รี่บ้างอะไรแบบนี้ มันไม่แฟร์กับบุ๋ม ก็มีลูกกับสามีตัวเองนะคะ บุ๋มผิดอะไร ทำไมต้องด่ากันแรงขนาดนี้ เราก็เลยรู้สึกว่าทำไมต้องมาเจอดราม่าก่อนคลอด

ทั้งๆ ที่เราอยากจะสบายใจมากที่สุดก่อนที่จะคลอดเขา ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำให้คนรอบข้างบอกว่าอย่ายอม ทนายความขององค์กรทำดีก็ร่างให้เรียบร้อย แฟนคลับเก็บข้อมูลในคืนนั้น ก็เลยฟ้องเรียบร้อยค่ะ ผ่อนโทษไม่ได้เพราะทุกคนไม่ยอมค่ะ ทีมงานไม่ยอมหมดเลย”

ที่ผ่านมาเคยนอยด์กับพวกคอมเมนต์แบบนี้บ้างมั้ย “เราแค่รู้สึกแย่มากกว่า ว่าทำไมเขาต้องว่าเราแรงขนาดนี้ เพียงแต่เราจะไปบังคับความรู้สึกหรือความคิดคนไม่ได้ แต่ ณ วันนี้สิ่งที่บุ๋มทำได้ก็คือเราอยู่กับความเป็นจริง และถ้าแฟนคลับคนนั้นรักบุ๋มจริงๆ

เขาคงอยากเห็นบุ๋มมีความสุข แม้กระทั่งในเรื่องของชีวิตคู่ คงไม่ใช่มานั่งด่าว่ามีผัวอีกแล้ว ผัวใหม่อีกแล้ว ผัวเล่นกล้ามอกกแล้ว เฮ้ย ผู้หญิงทุกคนมีสเป๊กของตัวเองนะคะ (ยิ้ม) ก็ฉันชอบแบบนี้ เธอจะให้ฉันไปบอกว่าเธอผอมจังเลยมาคบกันฉันเถอะ ก็ไม่ได้ (ยิ้ม)”

จัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงไม่ให้กระทบความรู้สึกของเด็กในท้อง “ต้องมองเขาเป็นหลักเลยค่ะ พอมีเรื่องมีคำพูดอะไรพวกนี้ บุ๋มต้องตัดให้เร็วที่สุด เพราะเราต้องเอาเขาเป็นหลัก แต่ยอมรับว่าคำพูดหรือที่โดนกระแสจากรายการ มันทำให้บุ๋มเครียดเหมือนกัน และมดลูกบีบตัวแรงขึ้น เครียดเลย เพราะโดนหนักมากนะ และนักข่าวก็ตามหนักมากนะ แต่ดิฉันก็อยู่ต่างจังหวัดพอดี ก็แฮปปี้เลย ก็โอนสายเข้าผู้จัดการเลยจ้า (ยิ้ม) พี่นกรับสายสุดฤทธิ์เลยค่ะ”

ตอนนี้ทุกอย่างเติมเต็มในชีวิตแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง “บุ๋มแค่รู้สึกว่าจากประสบการณ์ของชีวิตนะ จากชีวิตที่มันคาดหวัง ทุกๆ ครั้งเราก็คาดหวังกับความสุขนั่นแหละ เพียงแต่ว่าประสบการณ์มันสอนว่าแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีความสุขในแต่ละวันให้มากที่สุด และชีวิตคนเรามันสั้นเหลือเกิน ดังนั้นบุ๋มก็ขอแค่เป็นบุ๋ม ปนัดดาคนนี้เหมือนเดิมที่ทำงานเพื่อครอบครัว เพื่อลูกๆ และเพื่อประชาชนแบบนี้ต่อไป อยู่กับแบบนี้ในแต่ละวันให้มีความสุขพอแล้วค่ะ (ยิ้ม)”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ