หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตั้งรับเพื่อรอดูบทลงโทษจาก สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี (AFC) จากกรณีที่แฟนบอลกลุ่มหนึ่ง จุดพลุแฟลร์ ในสนามบีจี ปทุม ในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2023 รุ่น U-17 รอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังเกมที่ทีมชาติไทย แพ้ เกาหลีใต้ 1-4 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2566
ล่าสุด เอเอฟซี ได้แจ้งบทลงโทษที่มีต่อไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยสั่งปรับเงินสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นจำนวน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 1.7 ล้านบาทบาท จากกรณีแฟนบอลจุดพลุในสนาม
นอกจากนี้ยังสั่งปรับเงิน เพิ่มอีก 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.5 แสนบาท จากการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลไทย บกพร่องเรื่องการจัดการในเรื่องนี้ซ้ำ
ดังนั้นจากสองกรณีดังกล่าว สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถูกเอเอฟซี สั่งปรับเงินรวมแล้วราวๆ 2.1 ล้านบาท
ยังไม่พอเท่านี้ ทางเอเอฟซี โดยคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม ยังเตือนสมาคมกีฬาฟุตบอลไทยฯ หากแฟนบอลกระทำความผิดด้วยการจุดพลุแฟลร์ในสนามอีกครั้ง ทางคณะกรรมการฯ จะมีบทลงโทษที่หนักกว่าเดิม
สรุปรวมทั้งสิ้น สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถูกปรับเงินในเรื่องการจุดพลุแฟลร์ในสนามทั้งสิ้นรวมแล้วกว่า 5 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพิ่งถูกเอเอฟซี สั่งปรับเงินกว่า 3 ล้านบาท จาก 2 เหตุการณ์ ที่แฟนบอลจุดพลุแฟลร์ ในศึกชิงแชมป์อาเซียน ช่วงปลายปีที่ก่อน และในฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์เอเชีย ช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้แม้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะมีความแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ใช้ชื่อว่า “Ultra Thailand” แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในกรณีดังกล่าว
ขณะเดียวกันแฟนบอลไทย และแฟนกีฬาชาวไทย ก็ออกมาเรียกร้องว่ากลุ่มคนที่กระทำการเหล่านี้ น่าจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบค่าปรับส่วนนี้บ้าง
สกู๊ปเดือดก่อนหน้านี้ถึงกลุ่ม “Ultra Thailand” >>> https://www.sanook.com/sport/1474582/