รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่าสำหรับการออกพ.ร.บ.กู้เงินนั้น คนที่จะบอกว่าเศรษฐกิจวิกฤตินั้นแต่ละคนจะมีมุมมองที่ต่างกัน ในฝั่งของรัฐบาลก็มองว่าจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เพราะ GDP ของประเทศที่ออกมาในไตรมาสที่ 3 ค่อนข้าง ดังนั้นจึงต้องมีวิธีการทำให้ GDP มันสูงขึ้นถ้าGDP สูงขึ้นก็จะทำให้คนกินดีอยู่ดีมากขึ้น
ทางออกรัฐบาลที่บอกว่าไปใช้วิธีการแจกเงินมันก็อาจจะช่วยกระตุ้น GDP ได้บ้าง เพราะว่าเป็นเรื่องเม็ดเงินลงไปก็ไม่น้อย แต่ตอนนี้ปัญหาก็คือว่าถ้ามาจากการกู้ก็ต้องคิดให้ดี กลายเป็นโจทย์ใหญ่ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ แล้วจะมาอ้างวิกฤติ อ้างแล้วคนจะเชื่อหรือไม่ จริงๆ แล้วมันก็ไม่เป็นภาวะที่จำเป็นเร่งด่วนจนถึงวิกฤติขนาดนั้น ตรงนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ตีความกันไปมาได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้รศ.สมชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าไม่เดินหน้าโครงการนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่เป็นจะเป็นเรื่องทางการเมืองมากกว่า เนื่องจากเป็นนโยบายสำคัญ ประชาชนตั้งความหวังไว้เยอะ ถ้าหากทำไม่ได้ก็อาจจะเสื่อมเสียในเชิงของความน่าเชื่อถือ
ส่วนในประเด็นที่เคยหาเสียงไว้ว่าจะไม่กู้ แต่ตอนนี้กลับจะมากู้เงินอาจจะเข้าข่ายเป็นประเด็นทางกฎหมาย เพราะหากในกรณีแจ้งกกต.ไว้อย่างหนึ่ง ว่าแหล่งที่มาของงบประมาณในเรื่องนี้มาจากงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด เพราะ 4 รายการที่แจ้งแหล่งเงิน ไม่ว่าจะเป็นมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษี มีตัวทวีคูณที่มาจากนโยบายดังกล่าว มีเรื่องของการประหยัดงบประมาณรายจ่ายต่างๆ ให้มากขึ้น มีการตัดรายการสวัสดิการต่างๆ ที่ซ้ำซ้อน มันเป็นงบประมาณแผ่นดินทั้งหมดเลย ไม่ได้พูดเรื่องการกู้เงินเลย พอมาเปลี่ยนเป็นวิธีการกู้เงิน ก็อาจจะมีฝ่ายที่ตีความว่ามันไม่ตรงกับที่แจ้ง กกต. จะเข้าข่ายหาเสียงโดยหลอกลวงหรือไม่
ตรงนี้ก็เป็นประเด็นที่เป็นห่วง แต่ที่น่าห่วงกว่านั้นคือการที่รัฐบาลอาจจะเข้าข่ายการทำผิดวินัยการเงินการคลังของรัฐหรือไม่ เพราะว่ามันเป็นประเด็นที่ว่ารัฐบาลจะกู้เงินมาทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องดูเหตุผลความจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่กู้มาแจกประชาชนบอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจตรงนี้จะเป็นปัญหาที่จะเป็นข้อกฎหมายหนักกว่า