ที่ประชุมรัฐสภาโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน มติไม่รับหลักการ 473 ต่อ 206 คะแนน มีส.ว.โหวตรับแค่ 3 คน งดออกเสียง 6 คน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 พ.ย. 2564 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อลงมติรับหลักการวาระที่ 1 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. มีเนื้อหายกเลิกมาตรา 65 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 7 มาตรา 159 วรรคแรก เพิ่มมาตรา 193/1 มาตรา 193/2 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 11 หมวด 12 มาตรา 256 หมวด 16 ยกเลิกมาตรา 269 มาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 272 และมาตรา 279 โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 135,257 คนเป็นผู้เสนอ หลังจากวันที่ 16 พ.ย. ที่ประชุมใช้เวลาอภิปรายกว่า 16 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมใช้วิธีลงคะแนนด้วยการขานชื่อเป็นรายบุคคล โดยใช้เวลาลงมติประมาณ 2 ชั่วโมง ปรากฎว่า คะแนนรับหลักการ ส.ส. 203 คะแนน สว. 3 คะแนน ไม่รับหลักการ ส.ส. 249 คะแนน ส.ว. 224 คะแนน งดออกเสียง ส.ส. 3 เสียง ส.ว. 3 เสียง รวมคะแนนทั้งหมด รับหลักการ 206 คะแนน ไม่รับ 473 คะแนน งดออกเสียง 6 เสียง
ถือว่าที่ประชุมมีมติไม่รับหลักการเนื่องจากคะแนนรับหลักการน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดทั้งสองสภา หรือ 362 จากสมาชิกทั้งหมด 723 เสียง และคะแนนส.ว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของวุฒิสภา หรือ 83 คน ก็ไม่ถึง จึงไม่ต้องมานับ
สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่เสนอโดยภาคประชาชนเข้าสู่การพิจารณา มีอีกชื่อว่า “รื้อระบอบประยุทธ์” ที่มีข้อเสนอมุ่งหมายจะจัดการกับประเด็นปัญหาในรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่ถูกมองว่าเป็นการ “สืบทอดอำนาจเผด็จการ” โดยมีข้อเสนอดังนี้คร่าวๆ ดังนี้
1. เสนอให้มีการยกเลิก ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง และใช้ระบบรัฐสภาเดี่ยว มีแต่ ส.ส. 500 คน ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน 2. เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ ที่มาจากระบบคัดเลือกของ คสช. พ้นตำแหน่ง และให้มีการคัดเลือกใหม่ 3. เสนอให้ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของ คสช. ยกเลิกหมวดการปฏิรูปประเทศ 4. เสนอให้นายกฯ ต้องเป็น ส.ส. ซึ่งมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
5. เสนอให้มีกลไกต่อต้านการยึดอำนาจ “การลบล้างผลพวงรัฐประหาร” รวมทั้งยกเลิกการนิรโทษกรรมตัวเองของคณะรัฐประหาร ในรัฐธรรมนูญอย่าง ม.279 ในรัฐธรรมนูญ 2560 6. เสนอเพิ่มอำนาจตรวจสอบให้ฝ่ายค้าน : ตั้งคณะผู้ตรวจการกองทัพ คณะผู้ตรวจการศาล และคณะผู้ตรวจการองค์กรอิสระ และ 7. เสนอเพิ่มอำนาจการเข้าชื่อของประชาชน เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 20,000 คนขึ้นไป “ตรวจสอบตุลาการ” ที่ส่อทุจริตต่อการทำหน้าที่ หรือจงใจใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายได้