สนธิรัตน์ สอนมวย รมว.พลังงาน แนะวิธีแก้วิกฤตน้ำมันแพง ชี้ต้องทำทันที

Home » สนธิรัตน์ สอนมวย รมว.พลังงาน แนะวิธีแก้วิกฤตน้ำมันแพง ชี้ต้องทำทันที



สนธิรัตน์ สอนมวยรมว.พลังงาน แนะปรับลดราคาหน้าโรงกลั่น-ทบทวนอิงราคาสิงคโปร์-คุมราคาดีเซล แก้วิกฤตน้ำมันแพง ฟุ้ง เคยทำสมัยคุมพลังงาน

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2565 ที่พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย อดีตรมว.พลังงาน พร้อมนายสันติ กีระนันทน์ กรรมการบริหารพรรค แถลงถึงแนวทางการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน และการเติบโตของเศรษฐกิจ ในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนระดับสูงจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคเป็นห่วงสถานการณ์ราคาน้ำแพง ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ในฐานะอดีตรมว.พลังงาน มองว่ามีแนวทางที่สามารถบริหารต้นทุนราคาน้ำมันให้ถูกลง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนได้ และเคยทำมาแล้วสมัยเป็นรัฐมนตรี โดยแนวทางการแก้ปัญหาต้องมีมาตรการในระยะเร่งด่วน และการแก้ปัญหาเชิงรุกในระยะยาวให้ครอบคลุม

มาตรการระยะเร่งด่วนที่สามารถทำได้ และต้องทำทันที คือ ลดราคาหน้าโรงกลั่นลง ทบทวนการอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ชั่วคราว ด้วยการหักค่า FIL ได้แก่ ค่าขนส่ง ประกันภัย และค่าความสูญเสีย ออกในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤต

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การงดการอ้างอิงชั่วคราว ถือเป็นการลดต้นทุนแฝงในราคาน้ำมันได้ โดยรัฐต้องเป็นเจ้าภาพเข้าไปดูแลและหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่น เพื่อหาจุดตรงกลาง และรัฐไม่ควรปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลเกินเพดานที่สูงเกินไป เพราะจะทำให้ราคาสินค้าต่างๆ ขยับขึ้นตามค่าขนส่ง กระทบค่าครองชีพ และกระทบต้นทุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เหมือนวิกฤตซ้ำวิกฤต

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอที่จะแก้ปัญหาเชิงรุก ระยะยาว มี 3 แนวทาง 1.พิจารณาเพดานค่าการกลั่น ให้มีความเป็นธรรมต่อประชาชนผู้บริโภคและผู้ประกอบการโรงกลั่น โดยพิจารณาในส่วนของค่าพรีเมี่ยมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ยืดหยุ่นได้ ตรงนี้รัฐต้องเป็นเจ้าภาพ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน

2.หาแหล่งพลังงานราคาถูกในต่างประเทศเพิ่มเติม และ 3.สร้างยุทธศาสตร์พลังงานระยะยาว 2 แนวทาง คือ วางแผนการสำรองน้ำมันในภาวะวิกฤต ซึ่งเป็นแผนที่ใช้รองรับช่วงที่เกิดวิกฤต โดยสามารถดำเนินการในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีราคาถูกลง เพื่อสำรองใช้ นอกจากใช้เพียงกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันเพียงอย่างเดียว และหันมาใช้ภาษีคาร์บอน ที่นำมาปรับใช้ร่วมกับภาษีสรรพสามิต เพื่อนำเงินภาษีมาใช้ส่งเสริมการลงทุนในพลังงานทางเลือก ที่พรรคมีนโยบายการส่งเสริมการใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ทั่วประเทศ ที่จะลดการพึ่งพิงพลังงานจากปิโตรเลียมลง

ด้านนายสันติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน มีกำไรที่ไต่ระดับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบตัวเลขย้อนหลัง 5 ปี พบว่ามีกำไรมหาศาล และคาดการณ์จากผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2565 มีแนวโน้มที่เห็นว่า กลุ่มโรงกลั่น จะมีกำไรพุ่งขึ้นกว่า 28% หากคิดเป็นผลประกอบการเต็มปี และโรงกลั่นใหญ่ 3 โรงที่เป็นผู้นำตลาด มีปตท.เป็นผู้ถือหุ้นในแต่ละบริษัทไม่น้อยกว่า 45 %ของหุ้นทั้งหมด

โดยกระทรวงการคลัง ถือหุ้นในปตท. 51.11% และมีกองทุนรวมวายุภักษ์ ถือหุ้นอีก 12.16 % แสดงให้เห็น ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงกลั่นคือรัฐ จึงเชื่อว่ารัฐจะมีมาตรการเพื่อให้บริษัทเหล่านั้นเปลี่ยนจากการมุ่งทำกำไรระยะสั้นลง แล้วไปมองผลกำไรระยะยาว ตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนแทน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ