ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ยกฟ้อง ‘พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง’ ขณะเป็นอธิบดีดีเอสไอ กับพวก ปมเรียกสอบสวน พ.ต.ท.สุรเดช คดี ‘อัลรูไวรี่’ หายตัว
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีอาญาที่ พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ในคดีที่ พ.ต.อ.ทวี ในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในขณะนั้น ได้ทำการสอบสวนโจทก์ คดีการหายตัวไปของนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี่
ต่อมาพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่ามีพยานหลักฐานใหม่และมีการสอบสวนพยานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายปาก แล้วสรุปสำนวนเสนอให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องโจทก์กับพวกรวม 5 คน โจทก์เห็นว่า การสอบสวนของพ.ต.อ.ทวี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงฟ้องพ.ต.อ.ทวี กับพวกรวม 5 คน ศาลชั้นต้นได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าไม่มีมูล จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์จึงอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนพิเศษ 16 คน และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานรัฐ ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งมีพนักงานอัยการเข้ามาร่วมการสอบสวน และแต่งตั้งที่ปรึกษาคดีพิเศษมีหน้าที่ให้คำปรึกษา จำเลยทั้งห้าจึงมิได้สอบสวนโดยลำพัง และในการแจ้งข้อกล่าวหา ก็ทำการแจ้งข้อกล่าวหาให้โจทก์ทราบโดยชัดเจนเพียงพอ ให้โจทก์มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหาอันเป็นประโยชน์แก่ตนแล้ว
นอกจากการสอบสวนพยานปากพ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก ยังมีการสอบสวนพยานปากอื่นอีกหลายปาก กับมีพยานแวดล้อมกรณีอื่นอีกหลายปาก คดีจึงมีหลักฐานตามสมควรที่จะนำโจทก์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นควรสั่งฟ้องโจทก์เท่านั้น
ส่วนการยื่นฟ้องหรือไม่นั้น พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาตรวจสำนวนกลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งห้ากลั่นแกล้งโจทก์ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น