ความพ่ายแพ้ของพรรคเศรษฐกิจไทยในลำปางกำลังจะกลายเป็น “บทเรียน”
มิใช่บทเรียนของพรรคเศรษฐกิจไทยในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง หากแต่จะเป็นบทเรียนอย่างสำคัญต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย
เด่นชัดอย่างยิ่งว่า การเลือกตั้ง “ซ่อม” ครั้งนี้พรรคเศรษฐกิจไทยมิได้ต่อสู้กับพรรคเสรีรวมไทย หากแต่ยังต่อสู้กับรัฐบาลและต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย
นี่คือความแหลมคมจากสภาพการณ์ใน “ลำปาง”
ต้องยอมรับว่าชัยชนะของ นายวัฒนา สิทธิวัง ที่ผ่านมาดำรงอยู่บนพื้นฐานอะไร
โดยพื้นฐาน นายวัฒนา สิทธิวัง เคยเป็น ส.ส.ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐเช่นเดียวกับพื้นฐานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
การเลือกตั้ง “ซ่อม” ก่อนหน้านี้จึงผ่านฉลุย
ผ่านฉลุยเพราะสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ อันเป็นแกนนำของรัฐบาล ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นี่ย่อมต่างจากสถานการณ์ในเดือนกรกฎาคม 2565
สถานการณ์ในเดือนกรกฎาคม บทบาทสำคัญคือบทบาทของพรรคเศรษฐกิจไทย
เป็นพรรคเศรษฐกิจไทยอันแยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคเศรษฐกิจไทยที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าเผ่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน พรรคเสรีรวมไทยเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย
ความเป็นจริงก็คือ พื้นที่จังหวัดลำปางเป็นพื้นที่ในความยึดครองตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ยุคพรรคพลังประชาชนมาแล้ว
พรรคเพื่อไทยจึงเปิดทางให้ “เสรีรวมไทย” เต็มพิกัด
จึงไม่เพียงแต่พรรคเสรีรวมไทยต้องคิดหนัก พรรคเศรษฐกิจไทยก็ต้องคิดหนัก
เพราะพลันที่การเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปมาถึง พรรคเพื่อไทยยังจะเปิดพื้นที่ให้พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจไทยหรือไม่
เพราะพรรคเพื่อไทยก็มีแผน “แลนด์สไลด์” อยู่