มองจากพรรคประชาธิปัตย์ กรณีของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นกรณีที่แปลกแปร่ง
เป็นความแปลกและแปร่งทุกครั้งที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ปรากฏตัวบนเวทีประชันวิสัยทัศน์ ณ เบื้องหน้าคนของพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ว่ากับ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ที่นครราชสีมา
ไม่ว่ากับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่เวทีของมติชน ข่าวสด ไม่ว่ากับ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ในพื้นที่ของมิสแกรนด์ ไทยแลนด์
ก่อให้เกิด “คำถาม” สร้างความประหลาดใจ
เป็นคำถามจากบางส่วนในสังคมว่าเป็นความสูญเสียของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
เพราะ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สามารถสร้างความแตกต่างไม่เพียงแต่กับ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เท่านั้น
หากแม้กระทั่ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็เห็นเด่นชัด
เหตุใดยุคที่ยังเป็น “นิวเด็ม” ความโดดเด่นของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ จึงไม่ปรากฏและถูกจมหายไปกับการหาเสียงในพื้นที่บางกะปิอย่างเดียวดาย
นี่ย่อมตรงกันข้ามกับเมื่อมาสวมเสื้อ “ก้าวไกล”
บทบาทผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายจึงเข้าทาง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ
ไม่เพียงแต่สามารถรับช่วง “นโยบาย” ต่อจาก น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล และ นายเดชรัต สุขกำเนิด ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนเท่านั้น
หากแต่ยังสื่อสารและรณรงค์ได้อย่างยอดเยี่ยม
เพียงการเข้ามาไม่นาน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ก็ซึมซาบวัฒนธรรมอย่างที่เรียกว่า “วิถีก้าวไกล” อันต่อยอดจากพรรคอนาคตใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
กลายเป็น “กัมมันตะ” สำคัญในทางการเมือง
ความรู้สึกเสียดายจึงเป็นความเสียดายแทนพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า
ในขณะที่ความเป็นจริงหากมองจากมุมของ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ จะรู้สึกเสียดายหรือว่าได้กลายเป็นโอกาสของตนหรือไม่
นี่ย่อมเป็นวิถี “ประชาธิปัตย์” นี่ย่อมเป็น “วิถีก้าวไกล”