การขยับของ เต้ มงคลกิตติ์ ในการตั้ง “ส.ส. กลุ่ม 16” มีเป้าหมายในทางยุทธศาสตร์
หากมองจากมุมที่เป็นฝ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ถือว่าเป็นการ “ฉวยโอกาส” หากมองจากมุมที่เป็นฝ่ายต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ก็อาจเรียกขานใหม่ว่าเป็น “การช่วงชิงโอกาส”
เพียงการใช้ศัพท์สำนวนว่า “ฉวยโอกาส” กับศัพท์สำนวนว่า “ช่วงชิงโอกาส” ก็สะท้อนให้เห็นมุมมองและจุดยืนในทางการเมืองอย่างเด่นชัด

เด่นชัดไปตามแต่ “ผลประโยชน์” ของแต่ละฝ่าย

ถามว่าอุบัติแห่ง “ส.ส.กลุ่ม 16” เกิดขึ้น ดำรงอยู่และดำเนินไปจาก “สภาพ” การเมืองอย่างไร
1 ต้องยอมรับต่อการแยกตัวออกมาของกลุ่ม 21 ส.ส.ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อถูกจับออกก็กลายมาเป็น “เศรษฐกิจไทย”

1 ต้องยอมรับต่อ “ปฏิกิริยา” จากพรรคภูมิใจไทย
ปฏิบัติการอารยะขัดขืนของพรรคภูมิใจไทยต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเดิมพันมีความแหลมคม

แหลมคมเพราะพรรคภูมิใจไทยมี 59 ส.ส.อยู่ในมือ

การเคลื่อนไหวนี้ย่อมไม่รอดพ้นสายตาของ เต้ มงคลกิตติ์ และ พิเชษฐ สถิรชวาล
เต้ มงคลกิตติ์ อาจเด็กอย่างยิ่งกับยุคแห่ง ส.ส. กลุ่ม 16 แต่กล่าวสำหรับ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ซึ่งผ่านเหตุการณ์ 8 กันยายนมาแล้ว

ย่อมมองออก อ่านทะลุในทางการเมือง
ความพยายามในการรวบรวมส.ส.พรรคเล็กที่ได้มาเพราะอภินิหารแห่งการนับคะแนนของกกต.จึงผุดพร่างขึ้นโดยอัตโนมัติ

เท่ากับเป็นการสร้างพลังในการต่อรองขึ้นมา

ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็น “การฉวยโอกาส” ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็น “การช่วงชิงโอกาส” แต่นี่คือเกม
เป็นเกมอันเกิดขึ้นในท่ามกลางซากปรักหักพังของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นการร่วมเขย่าภายใต้สถานการณ์แห่งการกดดัน รุกไล่

ถนนทุกสายจึงมุ่งไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา