การเคลื่อนไหวของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กำลังส่งแรงสะเทือนในทางการเมือง
ในความเป็นจริง น่าจะส่งผลสะเทือนเพียงในกรอบและขอบเขตของ “ผู้ว่าฯ กทม.” ด้วยกัน อย่าง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นสำคัญ
แต่ที่ปรากฏกรอบและ “ขอบเขต” ไปไกลกว่านั้น
แรกสุดก็นำไปสู่การเปรียบเทียบ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ “ผู้ว่าฯกทม.” ที่มาจากการแต่งตั้ง และไปไกลถึง “ผู้ว่าราชการจังหวัด” โดยทั่วไป
และไม่เว้นแม้แต่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากมองจากพื้นฐาน “ครอบครัว” พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจากครอบครัวของ “ทหาร” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มาจากครอบครัวของ “ตำรวจ” นับว่าใกล้เคียงกัน
เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบทอดการเป็น “ทหาร”
ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หันไปเอาดีทางด้าน “วิศวกร” และเป็น “นักวิชาการ” และเมื่อเข้ามาสู่การเมืองก็ผ่าน “การเลือกตั้ง”
เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาในช่อง “รัฐประหาร”
ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบ “การบริหาร” เอาเฉพาะการออกสู่ “สาธารณะ” ก็พอ
อาจเป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นทหารมาตลอดชีวิตและได้อำนาจมา โดยวิธีไม่ปกติ นั่นก็คือ ผ่านกระบวนการ “รัฐประหาร”
ไม่ว่าจะไปไหนจึงมากด้วยกระบวนการรักษาความปลอดภัย
ตรงกันข้าม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นอาจารย์ เป็นนักการเมืองจากกระบวนการเลือกตั้ง ตัวเองได้ตำแหน่ง “ผู้ว่าฯ กทม.” ก็จากการเลือกของประชาชน
จึงยืนอยู่กับ “ประชาชน” ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส
ถามว่าระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชอบแบบไหน
อุณหภูมิในทางสังคมที่ปรากฏเด่นชัดยิ่งว่าเสียงขานรับต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กระหึ่มมากยิ่งกว่าเสียงที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่แหละคือฐานที่มาแห่งความหงุดหงิดเมื่อกระบอกตาร้อนผ่าว