ลุงกล้วย – เมีย ขอบคุณแท็กซี่คนดี พาครอบครัว 3 ชีวิตจากเมืองกรุง มาส่งถึงหน้าบ้านอุดรธานี ไม่เอาเงินสักบาท หลังโดนเจ้าของห้องเช่าไล่กลางดึก ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า รำคาญเสียงเด็กร้อง ต้องพากันมาร้องไห้อยู่ริมถนนหน้าสถานีรถไฟหลักสี่
จากกรณีชาวโซเชียลแห่ชื่นชม หนุ่มแท็กซี่หัวใจหล่อ เมื่อพบ สามี-ภรรยา อุ้มลูกน้อย นั่งร้องไห้อยู่ที่สถานีรถไฟหลักสี่ กรุงเทพฯ เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเช่า จึงโดนไล่ออกจากห้องกลางดึก ไม่มีที่ไป จึงเตรียมกลับบ้านที่อุดรธานี แต่รถก็หมดแล้วอีกทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินติดตัวอยู่ 500 บาท หนุ่มแท็กซี่เลยพาขึ้นรถแล้วขับไปส่งจนถึงหน้าบ้านที่ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ใช้เวลาเดินทางกว่า 12 ชั่วโมง
ล่าสุดเรื่องนี้ วันที่ 15 ส.ค.2565 ที่บ้านพัก หมู่ 8 บ้านศรีสง่าเมือง ต.ศรีธาตุ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี นายดาวเรือง หรือ ลุงกล้วย อายุ 50 ปี ผู้เป็นสามี และ น.ส.พรเทพา อายุ 41 ปี ภรรยา อุ้มลูกน้อยวัย 4 เดือน 3 วันซึ่งตั้งชื่อใหม่เป็น “การ์ฟิว” แล้ว เปิดใจเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส หลังได้กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยโดยหนุ่มแท็กซี่ใจดีมาส่งถึงบ้าน ขณะที่ญาติๆและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันมาเยี่ยม ซึ่งบางคนคิดว่าลุงกล้วยตายไปแล้ว เนื่องจากไปทำงานอยู่อยู่กรุงเทพฯเกือบ 30 ปี
ลุงกล้วย เปิดเผยเรื่องราวชีวิตว่า ผมมีอาชีพรับจ้างเจาะปูน วันนั้นผมและภรรยาไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องเลยถูกเจ้าของห้องไล่ออก อีกทั้งเขารำคาญเสียงเด็กร้องไห้ตลอดเวลา ผมก็พาภรรยาอุ้มลูกน้อยมาที่สถานีรถไฟ เพื่อจะขึ้นรถไฟกลับบ้าน ช่วงนั้นไปถึงดึกต้องรออีกวันจึงพาเมียและลูกมานั่งข้างถนน ผมก็เจอพี่แท็กซี่ขับมาถามก็เล่าให้ฟัง ไม่คิดว่าพี่เขาจะมาส่งถึงบ้านจริงๆ ไม่คิดตังค์ค่าโดยสารสักบาทเลย เดือนที่แล้วเงินผมช็อตจริงๆ
” แต่ก่อนครอบครัวผมก็มีฐานะ มีพี่น้อง 7 คนผมเป็นคนสุดท้าย พอดีมีปัญหาครอบครัวก็หนีไปบวช จากนั้นก็ไปเรื่อยเปื่อย สึกจากพระก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ส่วนภรรยาคนนี้แต่ก่อนเป็นเพื่อนทำงานด้วยกัน สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันจนมีลูก ตั้งชื่อว่า “เคอร์ฟิว” แต่พี่แท็กซี่บอกว่าเปลี่ยนเป็น”กาฟิว” ดีกว่า ผมดีใจมากที่พี่แท็กซี่ใจดีมาส่งถึงบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พี่แท็กซี่เขาบอกว่า เงิน 500 บาทเก็บไว้ซื้อนมให้ลูกแล้วกัน ผมขอขอบคุณพี่แท็กซี่มากๆ ไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีคนดีแบบนี้เหลืออยู่ ขอบคุณจากใจจริงๆ
ต่อไปการใช้ชีวิตยังไม่คิด ขออยู่บ้านไปก่อน แต่บ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่บ้านตัวเอง เป็นบ้านพี่สาว แต่พี่สาวประกาศขายแล้ว ก็คงอยู่สักระยะ ดูว่าจะทำอะไรต่อยังคิดไม่ออก แต่ตอนนี้นอนหาวิธีคิดที่จะหางานทำและวางแผนใช้ชีวิตที่บ้านเกิดต่อไปก่อนเพราะจะเอาอย่างไร แต่ผมก็จะหางานทำเพื่อหาเงินมาดูแลลูกและเมียให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ ลุงกล้วยกล่าวอย่างมีความหวัง”