รีวิว "Redmi Note 13 Pro 5G" มือถือจอเรียบ สเปกครบครัน งบหมื่นต้น

Home » รีวิว "Redmi Note 13 Pro 5G" มือถือจอเรียบ สเปกครบครัน งบหมื่นต้น

หลังจาก Xiaomi ประเทศไทยได้เปิดราคา Redmi Note 13 Pro 5G ที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้กับราคา 12,990 บาท แต่ได้ความจำเยอะมาก เห็นแบบนี้หลายคนก็อยากรู้ว่า เมื่อได้ทดลองใช้งานจริงๆ ของมือถือรุ่นนี้ผลออกมาจะเป็นอย่างไร ร่วมติดตามพบกับทุกด้านของมือถือรุ่นนี้กับ Sanook Hitech ได้เลยครับ 

batch_20240504_174508

 รายละเอียด Redmi Note 13 Pro 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง 161.2 x 74.2 x 8 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 187 กรัม
  • หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอ CrystalRes AMOLED display
  • ความละเอียดหน้าจอ : 1220 x 2712, Refresh Rate 1- 120Hz ความสว่าง 1,800 nits + Dolby Vision
  • กระจกหน้าจอ : Corning® Gorilla® Victus
  • มาตรฐานการกันน้ำ IP54
  • ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 | Adreno 710
  • RAM: 12GB
  • ความจำในตัว : 512GB
  • ไม่สามารถเพิ่มความจำได้
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + MIUI 14 (อัปเดตไปต่อกับ HyperOS ได้)
  • การเชื่อมต่อ 5G/4G WiFi 6 (AX), GPS, Bluetooth 5.2 A-GPS, GPS, NFC
  • ช่องเสียบ USB-C
  • รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง
  • ระบบเสียง : ด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • ระบบไมโครโฟน : 2 ด้านบนและล่าง
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
    • กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล F/1.65 PDAF + 16 – 1 Super Pixel
    • กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา
    • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
    • รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, FHD 60/30 FPS, Slowmotion , Timelapse
  • กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS
  • แบตเตอรี่ 5100 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 67W
  • ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนนิ้วในหน้าจอ
  • สี : Midnight Black, Ocean Teal และ Aurora Purple

 

รูปลักษณ์ดีไซน์ Redmi Note 13 Pro 5G 

Redmi Note 13 Pro 5G การออกแบบของตัวเครื่องที่เห็นพบว่ามีความแอบคล้ายกับ Redmi Note 13 5G อยู่จนคิดว่าเป็นแฝด แต่ที่จริงแล้วหน้าจอของรุ่นนี้มีขนาด 6.67 นิ้วเป็นแบบ AMOLED ความละเอียดรวมกันแล้วที่ 1.5K เรียกว่าคมชัดพร้อมกับ Refresh Rate 120Hz เรียกว่าสูงการแสดงที่ออกมาจากการดูภาพพบว่า สีสันสวยงาม ให้กระจกกันรอยแบบ Gorilla Victus  

batch_20240504_174747

ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลทางด้านบน และยังมาพร้อมกับเซนเซอร์และลำโพงสนทนา ส่วนล่างของหน้าจอเป็นปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการ Android ที่มีให้เลือกทั้งแบบปุ่ม และการปัด 

batch_20240504_174737

batch_20240504_174731

รอบตัวเครื่องเหลี่ยมและคมจับได้ง่ายมากขึ้น โดยฝั่งซ้ายจะโชว์สีของตัวเครื่องเท่านั้น 

batch_20240504_174931

ฝั่งขวามีปุ่มกด เปิด/ปิด และ ปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง สำหรับการใช้งานพื้นฐานด้านการ Capture หน้าจอก็สามารถกดได้โดยการกดปุ่ม เปิด / ปิด และ ลดเสียงพร้อมกัน 

batch_20240504_174911

ด้านบนมี IR Blaster สำหรับสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า, ไมโครโฟน, ลำโพงตัวที่ 2 และของหายากจากมือถือยุคนี้ ช่องเสียบหูฟังครับ 

batch_20240504_175000

ด้านล่างมี USB-C, ไมโครโฟน, ลำโพง และ ช่องใส่ซิมแบบ Dual SIM ข้อสังเกตคือเสียงที่เปล่งออกมาด้านบนจะเบากว่าด้านล่างครับ 

batch_20240504_174946

batch_20240504_175212

พลิกมาด้านหลังวจะมีการออกแบบให้กล้องอยู่มุมซ้ายแต่ว่ามีกรอบล้อมรอบ และส่วนที่ไม่ใช่กล้องจะเรียบไปกับเครื่องทั้งหมด นอกจากนี้มีสีให้เลือกทั้งสีม่วง, เขียว และ ดำ 

batch_20240504_174641

น้ำหนัก / การจับถือ 

จุดเด่นที่มือถือรุ่นนี้ไม่ได้จอโค้งก็ทำให้น้ำหนักของตัวเครื่องลดลงมาเหลือ 187 กรัมเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือมาตรฐานกันน้ำของรุ่นนี้ก็จะลดลงเหลือ IP54 เท่านั้น แม้จะน้อยไปนิด อย่างน้อยหน้าจอตัวนรี้เรียบเชื่อว่ามีคนชอบมากๆ อยู่แน่นอน 

ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม / การเชื่อมต่อไร้สาย 

performance

 batch_screenshot_2024-05-08-1

จากที่ได้ทดลองประสิทธิภาพแล้วก็ต้องบอกว่า Redmi Note 13 Pro 5G รุ่นใหม่นี้พบว่าเป็นขุมพลังยอดนิยมอีกตัวหนึ่ง คะแนนที่ออกมาแบบจัดเต็มเหมือนกันนะ 

แต่ฟีเจอร์การเล่นเกมก็จะเหมือนกับ Xiaomi ทั่วไป คือมี Game Turbo ให้เลือกใช้งานและสามารถสั่งทำงานได้เต็มที่ 

batch_20240504_151504

ส่วนการเชื่อมต่อรุ่นนี้รองรับ 5G, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.3 และมีรองรับกับ GPS ช่วยให้ระบบนำทางแสดงผลได้ดีอยู่

batch_20240504_194952

แบตเตอรี่ / การใช้พลังงาน 

batch_batt

ด้วยขนาดแบตเตอรี่ 5000 mAh เท่ากันกับ Redmi Note 13 Pro+ 5G แต่ด้วยขุมพลังต่างกันก็ทำให้การใช้งานอยู่ได้นานเหมือนกัน ผลการทดสอบทำได้อยู่ที่เกิน 10 ชั่วโมง

ส่วนระบบชาร์จไฟจะรองรับกำลัง 67W เท่านั้น

ฟีเจอร์ภายในที่โดดเด่น 

batch_ui

batch_tools

Redmi Note 13 Pro 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ HyperOS พื้นฐาน Android 14 จุดเด่นแบบสัมผัสได้คือความคล่องตัวลื่นไหล และใช้งานคล่องมือ ปรับแต่งได้เยอะ จะเอาแบบเก่าก็ได้หรือแบบปัจจุบันที่ทันสมัยก็ได้ แถมกินพื้นที่น้อยใช้งานลื่นไหลแบบสบายๆ เครื่องมือครบและสำคัญสุดคือ แบ่งเป็น 2 หน้าจอได้ง่ายดาย

ย้ายมาดูฟีเจอร์กล้อง เหมือนกับ Redmi Note 13 Series 

batch_20240504_172202

  • โหมดโปร สามารถวัดระดับน้ำและยังสามารถ
  • มีฟิลเตอร์เยอะมาก ลูกเล่นต่างๆ มีให้ครบและยังถ่ายภาพแบบโคลนได้และมีกล้องคู่ มาให้ด้วย ที่สำคัญเรื่องใส่ใจรายละเอียดเช่นการปรับรูปแบบของ Timelaspe ให้เลือกใช้ความเร็วที่ง่ายมากขึ้น
  • และในรุ่น Pro+ จะมีฟีเจอร์ให้สามารถเชื่อมต่อกับมือถือเครื่องอื่นเพื่อเป็นการสลับระหว่างกล้องอื่นได้

ผลงานกล้องของ Redmi Note 13 Pro 5G 

 (กล้องหน้า)

 batch_img_20240504_170209
batch_img_20240504_190649

(กล้องหลัง)

 batch_img_20240504_170408
batch_img_20240504_170410
batch_img_20240504_170414
batch_img_20240505_134515
batch_img_20240505_141912

หมายเหตุ : มีให้ดูต่อใน Gallery ด้านล่างครับ

สรุปหลังสัมผัส Redmi Note 13 Pro 5G มาสักระยะเวลาหนึ่ง 

batch_20240504_175045

จากที่ได้ทดลอง Redmi Note 13 Pro 5G ต้องบอกว่าใครที่กำลังมองหามือถือครบเครื่อง เน้นเรื่องเล่นเกม และกล้องในเวลาเดียวกัน เพราะต้องยอมรับว่า รุ่นนี้เล่นเกมดีกว่าตัวท็อป เพราะขุมพลัง Snapdragon 7s Gen 2 นี่เป็นอีกทางเลือกที่ดี และแถมได้กล้องความละเอียดสูงถึง 200 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพคมชัดและสวย

และราคาในประเทศไทย เคาะที่ 12,990 บาท คุณได้ทั้งความจำ 512GB เข้าไปอีก ยังไงก็คุ้ม สำหรับคนที่ต้องการใช้ความจำเยอะ และดีไซน์เรียบติดฟิล์มง่ายอีกตัวเลือกหนึ่ง แต่อาจจะต้องทำใจเรื่องมาตรฐานกันน้ำที่น้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าไม่คิดมาก มันก็ตอบโจทย์การใช้งานอยู่นะ

จุดเด่น

  • ดีไซน์เรียบหรู น้ำหนักเบา
  • ขุมพลังเหมาะกับการเล่นเกม
  • กล้องถ่ายภาพได้คมชัด
  • ได้ Hyper OS ตั้งแต่แกะกล่อง
  • ชาร์จไฟเร็วมาก
  • ได้ความจำเยอะในงบหมื่นต้น

ข้อสังเกต

  • มาตรฐานกันน้ำน้อยไปหน่อย
  • ตัวเครื่องเหมือนกับ Redmi Note 13 5G ไปนิด

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ