หลังจาก Xiaomi ประเทศไทยได้เปิดราคา Redmi Note 13 Pro 5G ที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้กับราคา 12,990 บาท แต่ได้ความจำเยอะมาก เห็นแบบนี้หลายคนก็อยากรู้ว่า เมื่อได้ทดลองใช้งานจริงๆ ของมือถือรุ่นนี้ผลออกมาจะเป็นอย่างไร ร่วมติดตามพบกับทุกด้านของมือถือรุ่นนี้กับ Sanook Hitech ได้เลยครับ
รายละเอียด Redmi Note 13 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง 161.2 x 74.2 x 8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 187 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอ CrystalRes AMOLED display
- ความละเอียดหน้าจอ : 1220 x 2712, Refresh Rate 1- 120Hz ความสว่าง 1,800 nits + Dolby Vision
- กระจกหน้าจอ : Corning® Gorilla® Victus
- มาตรฐานการกันน้ำ IP54
- ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 | Adreno 710
- RAM: 12GB
- ความจำในตัว : 512GB
- ไม่สามารถเพิ่มความจำได้
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + MIUI 14 (อัปเดตไปต่อกับ HyperOS ได้)
- การเชื่อมต่อ 5G/4G WiFi 6 (AX), GPS, Bluetooth 5.2 A-GPS, GPS, NFC
- ช่องเสียบ USB-C
- รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง
- ระบบเสียง : ด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
- ระบบไมโครโฟน : 2 ด้านบนและล่าง
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล F/1.65 PDAF + 16 – 1 Super Pixel
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, FHD 60/30 FPS, Slowmotion , Timelapse
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS
- แบตเตอรี่ 5100 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 67W
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนนิ้วในหน้าจอ
- สี : Midnight Black, Ocean Teal และ Aurora Purple
รูปลักษณ์ดีไซน์ Redmi Note 13 Pro 5G
Redmi Note 13 Pro 5G การออกแบบของตัวเครื่องที่เห็นพบว่ามีความแอบคล้ายกับ Redmi Note 13 5G อยู่จนคิดว่าเป็นแฝด แต่ที่จริงแล้วหน้าจอของรุ่นนี้มีขนาด 6.67 นิ้วเป็นแบบ AMOLED ความละเอียดรวมกันแล้วที่ 1.5K เรียกว่าคมชัดพร้อมกับ Refresh Rate 120Hz เรียกว่าสูงการแสดงที่ออกมาจากการดูภาพพบว่า สีสันสวยงาม ให้กระจกกันรอยแบบ Gorilla Victus
ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลทางด้านบน และยังมาพร้อมกับเซนเซอร์และลำโพงสนทนา ส่วนล่างของหน้าจอเป็นปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการ Android ที่มีให้เลือกทั้งแบบปุ่ม และการปัด
รอบตัวเครื่องเหลี่ยมและคมจับได้ง่ายมากขึ้น โดยฝั่งซ้ายจะโชว์สีของตัวเครื่องเท่านั้น
ฝั่งขวามีปุ่มกด เปิด/ปิด และ ปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง สำหรับการใช้งานพื้นฐานด้านการ Capture หน้าจอก็สามารถกดได้โดยการกดปุ่ม เปิด / ปิด และ ลดเสียงพร้อมกัน
ด้านบนมี IR Blaster สำหรับสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า, ไมโครโฟน, ลำโพงตัวที่ 2 และของหายากจากมือถือยุคนี้ ช่องเสียบหูฟังครับ
ด้านล่างมี USB-C, ไมโครโฟน, ลำโพง และ ช่องใส่ซิมแบบ Dual SIM ข้อสังเกตคือเสียงที่เปล่งออกมาด้านบนจะเบากว่าด้านล่างครับ
พลิกมาด้านหลังวจะมีการออกแบบให้กล้องอยู่มุมซ้ายแต่ว่ามีกรอบล้อมรอบ และส่วนที่ไม่ใช่กล้องจะเรียบไปกับเครื่องทั้งหมด นอกจากนี้มีสีให้เลือกทั้งสีม่วง, เขียว และ ดำ
น้ำหนัก / การจับถือ
จุดเด่นที่มือถือรุ่นนี้ไม่ได้จอโค้งก็ทำให้น้ำหนักของตัวเครื่องลดลงมาเหลือ 187 กรัมเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือมาตรฐานกันน้ำของรุ่นนี้ก็จะลดลงเหลือ IP54 เท่านั้น แม้จะน้อยไปนิด อย่างน้อยหน้าจอตัวนรี้เรียบเชื่อว่ามีคนชอบมากๆ อยู่แน่นอน
ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม / การเชื่อมต่อไร้สาย
จากที่ได้ทดลองประสิทธิภาพแล้วก็ต้องบอกว่า Redmi Note 13 Pro 5G รุ่นใหม่นี้พบว่าเป็นขุมพลังยอดนิยมอีกตัวหนึ่ง คะแนนที่ออกมาแบบจัดเต็มเหมือนกันนะ
แต่ฟีเจอร์การเล่นเกมก็จะเหมือนกับ Xiaomi ทั่วไป คือมี Game Turbo ให้เลือกใช้งานและสามารถสั่งทำงานได้เต็มที่
ส่วนการเชื่อมต่อรุ่นนี้รองรับ 5G, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.3 และมีรองรับกับ GPS ช่วยให้ระบบนำทางแสดงผลได้ดีอยู่
แบตเตอรี่ / การใช้พลังงาน
ด้วยขนาดแบตเตอรี่ 5000 mAh เท่ากันกับ Redmi Note 13 Pro+ 5G แต่ด้วยขุมพลังต่างกันก็ทำให้การใช้งานอยู่ได้นานเหมือนกัน ผลการทดสอบทำได้อยู่ที่เกิน 10 ชั่วโมง
ส่วนระบบชาร์จไฟจะรองรับกำลัง 67W เท่านั้น
ฟีเจอร์ภายในที่โดดเด่น
Redmi Note 13 Pro 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ HyperOS พื้นฐาน Android 14 จุดเด่นแบบสัมผัสได้คือความคล่องตัวลื่นไหล และใช้งานคล่องมือ ปรับแต่งได้เยอะ จะเอาแบบเก่าก็ได้หรือแบบปัจจุบันที่ทันสมัยก็ได้ แถมกินพื้นที่น้อยใช้งานลื่นไหลแบบสบายๆ เครื่องมือครบและสำคัญสุดคือ แบ่งเป็น 2 หน้าจอได้ง่ายดาย
ย้ายมาดูฟีเจอร์กล้อง เหมือนกับ Redmi Note 13 Series
- โหมดโปร สามารถวัดระดับน้ำและยังสามารถ
- มีฟิลเตอร์เยอะมาก ลูกเล่นต่างๆ มีให้ครบและยังถ่ายภาพแบบโคลนได้และมีกล้องคู่ มาให้ด้วย ที่สำคัญเรื่องใส่ใจรายละเอียดเช่นการปรับรูปแบบของ Timelaspe ให้เลือกใช้ความเร็วที่ง่ายมากขึ้น
- และในรุ่น Pro+ จะมีฟีเจอร์ให้สามารถเชื่อมต่อกับมือถือเครื่องอื่นเพื่อเป็นการสลับระหว่างกล้องอื่นได้
ผลงานกล้องของ Redmi Note 13 Pro 5G
(กล้องหน้า)
(กล้องหลัง)
หมายเหตุ : มีให้ดูต่อใน Gallery ด้านล่างครับ
สรุปหลังสัมผัส Redmi Note 13 Pro 5G มาสักระยะเวลาหนึ่ง
จากที่ได้ทดลอง Redmi Note 13 Pro 5G ต้องบอกว่าใครที่กำลังมองหามือถือครบเครื่อง เน้นเรื่องเล่นเกม และกล้องในเวลาเดียวกัน เพราะต้องยอมรับว่า รุ่นนี้เล่นเกมดีกว่าตัวท็อป เพราะขุมพลัง Snapdragon 7s Gen 2 นี่เป็นอีกทางเลือกที่ดี และแถมได้กล้องความละเอียดสูงถึง 200 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพคมชัดและสวย
และราคาในประเทศไทย เคาะที่ 12,990 บาท คุณได้ทั้งความจำ 512GB เข้าไปอีก ยังไงก็คุ้ม สำหรับคนที่ต้องการใช้ความจำเยอะ และดีไซน์เรียบติดฟิล์มง่ายอีกตัวเลือกหนึ่ง แต่อาจจะต้องทำใจเรื่องมาตรฐานกันน้ำที่น้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าไม่คิดมาก มันก็ตอบโจทย์การใช้งานอยู่นะ
จุดเด่น
- ดีไซน์เรียบหรู น้ำหนักเบา
- ขุมพลังเหมาะกับการเล่นเกม
- กล้องถ่ายภาพได้คมชัด
- ได้ Hyper OS ตั้งแต่แกะกล่อง
- ชาร์จไฟเร็วมาก
- ได้ความจำเยอะในงบหมื่นต้น
ข้อสังเกต
- มาตรฐานกันน้ำน้อยไปหน่อย
- ตัวเครื่องเหมือนกับ Redmi Note 13 5G ไปนิด