ทักษิณ ชินวัตร เผยเรื่องราวในอดีตสมัยที่ซื้อทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านแอปพลิเคชันคลับเฮาส์ โดยระบุว่าใช้เงินเพียง 23 ล้านปอนด์เท่านั้น จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการเลี่ยงการเมือง ด้วยการสร้างชื่อเสียงกีฬาแทน

ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือในนาม “โทนี” แห่งแอปพลิเคชันยอดฮิตอย่างคลับเฮาส์ ล่าสุด ได้เข้าร่วมพูดคุยในห้องที่จัดโดยกลุ่ม CARE และในช่วงหนึ่ง ได้มีผู้ถามถึงการเข้าเทกโอเวอร์สโมสร “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ 14 ปีที่แล้ว

ทักษิณ ได้เผยว่า ตอนนั้นลี้ภัยอยู่ที่ลอนดอน เช้าวันแรกมีทูตสิงคโปร์ประจำกรุงลอนดอน ฝากคำห่วงใยจาก ลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ บอกว่าให้นิ่งไว้ ตนเลยคิดว่างั้นเราอย่าไปยุ่งการเมืองแล้วกัน แต่ก็จำเป็นต้องให้ชื่อยังอยู่บนหน้าสื่อบ้าง เลยคิดว่าจะซื้อทีมฟุตบอลมาบริหาร เพราะคิดจะทำมานานแล้ว ซึ่งในตอนนั้นทีมระดับพรีเมียร์ลีกก็ประกาศขายทีมกันเยอะ ตนจึงได้เริ่มคุยกับหลายๆทีม

จนในที่สุด ได้ไปเจอ แมนฯ ซิตี้ ที่ตอนนั้นยังไม่ยิ่งใหญ่ เป็นทีมที่มีโอกาสตกชั้นทุกปี พวกเขามีราคาไม่แพง แถมยังมีสนามเพิ่งสร้างใหม่ สวยงาม อายุสัญญาเช่า 200 กว่าปี ตนจึงคิดว่าน่าจะเป็นหลักทรัพย์ที่ดี เลยตัดสินใจไปเจรจา ก่อนซื้อด้วยราคา 23 ล้านปอนด์ แล้วก็ค่อยๆ สร้างทีมขึ้นมา

ทักษิณ กล่าวเสริมอีกว่า ช่วงเวลานั้น ถ้านับแค่ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประชาชนเป็นแฟนบอลของแมนฯ ซิตี้ มากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ถ้าภาพรวมทั้งโลก แน่นอนว่าแฟนบอลของแมนฯ ยูไนเต็ด มีมากกว่า แต่ตอนนี้ตนไม่แน่ใจ เพราะแมนฯ ซิตี้ เองกลายเป็นทีมระดับยักษ์ใหญ่ของโลกไปแล้ว

อย่างไรก็ดี ทักษิณ ชินวัตร นั่งตำแหน่งเจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงปี 2007-2008 ก่อนสุดท้ายจะขายกิจการให้กลุ่มกลุ่มแนวร่วมการลงทุนแห่งอาบูดาบี (Abu Dhabi United investment group – ADUG) ในปี 2008 และกลายเป็นยอดทีมของพรีเมียร์ลีกจนถึงปัจจุบัน