ความคืบหน้าการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งจะเปิดฉากฟาดแข้งกันระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน-18 ธันวาคมนี้ หลังจากที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ภายในกรอบวงเงิน 600 ล้านบาท จากจำนวนเต็ม 1,600 ล้านบาทที่ กกท. เสนอขอรับการสนับสนุนเข้าไป
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า หลังจากที่ทราบมติของ กสทช. ทาง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. ได้เรียกประชุมทีมงานอย่างเร่งด่วนเมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อหาทางออกในการซื้อลิขสิทธิ์ให้ทันก่อนฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย
โดยเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ดร.ก้องศักด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ทาง กกท.ได้ทำหนังสือส่งถึงสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และทางอินฟรอนท์ บริษัทที่เป็นตัวแทนของฟีฟ่าในการเจรจาลิขสิทธิ์ เพื่อให้ช่วยพิจารณาลดราคาที่เคยเสนอมา 36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,326.24 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที 10 พ.ย. 2565) โดยทางฟีฟ่ามีหนังสือตอบกลับมาว่าเข้าใจ และอยากให้ประเทศไทยได้รับชมฟุตบอลโลก 2022 ให้ทาง กกท.ติดต่อกับอินฟรอนท์ต่อไป ซึ่งตอนนี้ได้ส่งจดหมายไปแล้วว่า กกท. ได้รับเงินสนับสนุนจาก กสทช. 600 ล้านบาท ให้ช่วยพิจารณาค่าลิขสิทธิ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะได้ลดราคาลงมาเหลือเท่าไหร่ เพราะคราวก่อนขอให้ลดจาก 38 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็ลดลงมาเหลือ 36 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งตัวเลขนั้น กกท.ได้นำไปเป็นกรอบในการเสนอกับ กสทช. แต่ยังไม่ได้ตอบรับหรือตกลงราคาดังกล่าวไป” ดร.ก้องศักดกล่าว
ผู้ว่าการกกท. กล่าวต่อว่า ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่ามีเอกชนเข้ามาร่วมแล้วนั้น ยังไม่ทราบว่าจะมีใคร และแต่ละบริษัทให้เท่าไหร่บ้าง ต้องรอดูความชัดเจนกันต่อไปก่อน ขณะที่เงื่อนไขที่คุยกับเอกชนถึงสิ่งที่พวกเขาจะได้รับตอบแทน ก็จะเป็นเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่างๆ การประชาสัมพันธ์หน่วยงานนั้นๆ ผ่านช่องทางที่เราได้สิทธิมา ขณะที่เรื่องของการลดหย่อนภาษี จะต้องไปดูที่ข้อกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง และต้องนำไปพูดคุยกับกระทรวงการคลังก่อน
“ตอนนี้การคุยกับเอกชนเราต้องหาจำนวนเงินมาให้ได้มากที่สุด เพราะเงินที่ กสทช. อนุมัติให้มามันน้อยกว่าที่คาดเอาไว้มาก ดังนั้นจึงต้องเร่งทำงานหนักกันต่อไป” ดร.ก้องศักดกล่าว
ดร.ก้องศักด กล่าวอีกว่า ไทม์ไลน์ตอนนี้คือ รอทางอินฟรอนท์เคาะราคามา แล้วก็ไปพูดคุยกับเอกชน หาเงินให้ได้ครบตามจำนวน และทำข้อตกลงสัญญาต่างๆ ส่งให้อัยการสูงสุดตีความจึงนำไปเซ็นสัญญาได้ และคนไทยก็จะได้ดูฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายกัน ซึ่งยังมีกระบวนการอีกมากกว่าจะถึงตรงนั้น และต้องทำงานอย่างหนักเพราะเหลือเวลาไม่มาก เนื่องจากเดดไลน์ของฟีฟ่าที่กำหนดไว้ในการซื้อลิขสิทธิ์คือ ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์
ทั้งนี้สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ จะทำการเปิดฉากฟาดแข้งนัดแรก ในคืนวันที่ 20 พฤศจิกายน โดยคู่เปิดสนามเป็นการพบกันระหว่างเจ้าภาพ กาตาร์ กับ เอกวาดอร์ ที่อัล บายต์ สเตเดียม ในเวลา 23.00 น. เท่ากับว่าเหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เศษเท่านั้นในการซื้อลิขสิทธิ์ของประเทศไทย ก่อนที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มแข่งขัน
ทั้งนี้มีรายงานว่า รัฐบาลได้เจรจากับภาคเอกชนรายใหญ่ 5 บริษัท รายละ 200 ล้านเพื่อหางบประมาณส่วนที่ขาดอีก 1 พันล้านบาทเพื่อนำไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 โดยเวลานี้ได้รับการตอบรับกลับมาแล้ว 4 บริษัท และกำลังรอการยืนยันอีก 1 บริษัท