“น้ำยาบ้วนปาก” ถือว่าเป็นอีก 1 ไอเทมเสริมสำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพช่องปาก เพราะเชื่อว่าจะสามารถดับกลิ่นปาก รักษาสุขภาพฟันและเหงือกได้ จึงมักถูกนำมาใช้เป็นตัวช่วยเพื่อขจัดสิ่งสกปรกในส่วนที่การแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันนั้นทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง หลายคนเชื่อว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากจำเป็นต้องทำหลังการแปรงฟันทุกครั้ง ในขณะที่อีกหลายคนไม่เคยใช้น้ำยาบ้วนปากเลย แต่จริงๆแล้วน้ำยาบ้วนปากจะช่วยเรื่องสุขภาพช่องปากได้มากน้อยขนาดไหน แล้วสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก ต้องมีการเลือกชนิดของน้ำยาบ้วนปากอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลดีๆจาก รศ. ทพญ. ดร.สิรีรัตน์ สูอำพัน หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา และ อ. ทพญ.ดร.เบญจา อิศรางกูร ณ อยุธยา ทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาปริทันตวิทยา มาฝากกัน
น้ำยาบ้วนปากที่วางขายตามท้องตลาด แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ น้ำยาบ้วนปากที่ช่วยป้องกันฟันผุ มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ที่จะช่วยให้ฟันแข็งแรง ผุยากขึ้น เหมาะสำหรับ เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ อีกชนิดนึง คือ น้ำยาบ้วนปากที่ช่วยลดการสะสมคราบจุลินทรีย์ โดยน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารคลอเฮกซิดีน ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับการป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบ, รักษาโรคปริทันต์, ผู้ที่มีแผลในช่องปาก หรือ ผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการทำความสะอาดช่องปาก แต่น้ำยาบ้วนปากชนิดนี้ต้องได้รับการสั่งจ่ายและแนะนำการใช้จากทันตแพทย์ ไม่ควรซื้อมาใช้เอง
วิธีการใช้งานน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีนที่ถูกต้อง ช่วงเวลาที่ใช้ควรเป็น เช้าและเย็น หลังแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟัด ส่วนระยะเวลาในการอมน้ำยาบ้วนปาก ไม่ควรนานเกิน 30 วินาที เพื่อลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วให้บ้วนทิ้งโดยไม่ต้องบ้วนน้ำตาม และควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำ หรือทานอาหาร ภายใน 30 นาทีแรก เพื่อให้ตัวยาคงอยู่ภายในช่องปากและออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่
ติดตามเรื่องราวและข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาวะฟันหายแบบเต็มๆ ได้ในรายการ Fact For Fun จริง สนุก กับสุขภาพช่องปาก ทุกวัน เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 8.20 น. ทาง PPTV HD ช่อง 36
รับชม Fact For Fun EP.4