“ชลน่าน” เผยมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมยื่นอภิปรายทั่วไป ม.152 ชำแหละ 4 วิกฤตใหญ่ของรัฐบาล ใช้เวทีสภาดึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายละเมิดสิทธิประชาชนเข้าสู่สภา เปิดทาง ส.ส.เสนอร่างกฎหมายได้ เรียกร้องรัฐบาลหยุดใช้กฎหมายใส่ร้ายฝ่ายประชาธิปไตย
วันนี้ (3 พ.ย.) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการสาธารณสุขเรื่องโควิด-19 วิกฤตศรัทธาทางการเมือง การละเมิดสิทธิเสรีภาพ และวิกฤตเสถียรภาพของรัฐบาลที่ไม่มีความมั่นคง ซึ่งจะใกล้หมดอายุรัฐบาล โดยฝ่ายค้านจะทำงานภาพใหญ่ จะมีกรรมการประสานงานสภาฯ ขับเคลื่อนตรวจสอบกลไกของรัฐสภา
ดังนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติเอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านจะรับเรื่องเหล่านั้นมาแก้ไขปัญหาในรัฐสภา จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด โดยวิกฤตประเทศชาติและความมั่นคง ฝ่ายค้านจะรับเรื่องทั้งทางตรงทางอ้อม
ส่วนการนำเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อเสนอแนะที่เป็นปัญหาของประชาชน โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเสนอญัตติร่วมกันขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ส่วนเรื่องอื่นๆ ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตามระเบียบวาระให้ดีที่สุด ส่วนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เมื่อมี พ.ร.บ.ประชามติ จะเสนอให้มีการทำประชามติโดยเสนอผ่านรัฐบาล เมื่อทำประชามติและแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเข้าสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ฝ่ายค้านขอดันปมปัญหาใช้กฎหมายลิดรอนสิทธิเข้าสภา ให้ ส.ส.เสนอแก้ไข
นพ.ชลน่าน ระบุว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านยังได้หารือเห็นพ้องต้องกัน การบังคับใช้กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพทำให้เกิดนักโทษทางความคิด ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ซึ่งฝ่ายค้านไม่อยากให้มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือ และเรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดจากพี่น้องประชาชน ทั้งเสนอให้แก้ไขและไม่แก้ไข เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติจะใช้เวทีสภาฯ เป็นเวทีแก้ปัญหา จะรับมาทุกความเห็น เราจะรับมาสู่สภา
ส่วนจะแก้ไขอย่างไรจะขึ้นอยู่ที่ประเด็นเนื้อหาสาระ และกลไกรัฐสภาในการแก้ไข ส่วนจะยกร่างแก้ไขนำเสนอเองหรือไม่นั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่ได้ดำเนินการ แต่จะรับประเด็นปัญหาเข้ามา ส่วน ส.ส.คนใดจะเสนอแก้ไขก็เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
“ฝ่ายค้านเรียกร้องรัฐบาลหยุดนำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง จะกล่าวหาใส่ร้ายพวกเราในฐานะฝ่ายประชาธิปไตยที่ยึดถืออำนาจเป็นที่ตั้ง เพียงเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่รัฐบาลประสบปัญหา ถ้าทำอย่างนี้จะทำให้เกิดความแตกแยก บิดเบือน มีผลกระทบต่อสถาบันฯ มีผลต่อความขัดแย้ง” นพ.ชลน่าน ระบุ