นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลนำทัพ ส.ส.ก้าวไกล 150 คนเดินทางมายังอาคารรัฐสภาโดยรถบัส 3 คัน เพื่อรายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรโดยพร้อมเพรียงกัน โดย ส.ส. ทุกคนต่างสวมเสื้อยืดสีขาวที่มีข้อความว่า “เราคือผู้แทนราษฎร เรามาจากประชาชน”
ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการรายงานตัว พิธาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่าการเลือกวันนี้มารายงานตัว ก็เพราะเป็นวันที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือวันที่ 27 มิถุนายน 2475 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศ
ส.ส.พรรคก้าวไกลทุกคนในวันนี้ มีความตั้งใจที่จะเป็นผู้แทนราษฎรให้สมกับที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน มีความหลากหลายทั้งจากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ ฯลฯ ต่อจากนี้จะมีกฎหมายที่ก้าวหน้ารอให้เราผลักดันอยู่จำนวนมาก รวมทั้งสิ่งที่เราพยายามผลักดันในสภาฯ ชุดที่แล้วแต่ยังไม่สำเร็จ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่ากระบวนการนิติบัญญัติต่อจากนี้จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้จริง
โดยนายพิธา ระบุว่า ไม่มีความกังวลใจเกี่ยวกับเสียง ส.ว. เพราะจากที่มีโอกาสได้พูดคุยกับ ส.ว. พบว่า หลายคนมีดุลพินิจ และการพิจารณาก็น่าจะเป็นไปตามบรรทัดฐานที่วุฒิสภาวางไว้เมื่อปี 2562 ว่าจะเลือกใครก็ตามที่รวบรวมเสียง ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎรได้เกิน 251 คน ดังนั้น วุฒิสภาก็คงไม่อยากฝืนมติที่มาจากประชาชน และโดยภาพรวมการโหวตของ ส.ว. 250 คนก็น่าจะเป็นไปตามหลักการที่วุฒิสภายึดมา โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นพิธาหรือไม่
ทั้งนี้ ตนยืนยันตามที่ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค เคยพูดไว้ว่าการรวบรวมเสียง ส.ว. มีความคืบหน้ามากแล้ว และเป็นไปในทางบวก ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลทำงานอย่างหนักเพื่อทลายกำแพงและสร้างความเข้าใจระหว่างสองสภาฯ มีการพูดคุยกันถึงหลายประเด็นที่เป็นข้อกังวลใจทั้งหมด
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องของหลักการข้างต้น ที่พรรคก้าวไกลอยากให้วุฒิสภายึดถือเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ว่าจะเลือกจากผู้ที่มาจากประชาชนที่รวบรวมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรได้มากที่สุด ดังนั้น การรวบรวมเสียง ส.ว. ในเวลานี้มีความคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ และเพียงพอกับการให้ตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ที่ผ่านมา ไม่ใช่ ส.ว. ทุกคนที่จะมีโอกาสพูดกับสื่อมวลชนเท่านั้น