การแข่งขันเทควันโด ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เตย์ โฮ ยิมเนเซียม กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เป็นการชิงชัยในประเภทต่อสู้วันสุดท้าย โดยผลงานก่อนหน้านี้ของทัพจอมเตะไทยคว้ามาได้ 3 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง
ไฮไลต์อยูที่รุ่นไม่เกิน 49 กก.หญิง “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวเบอร์ 1 ของโลก ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ดีกรีแชมป์ซีเกมส์ 2 สมัยเมื่อปี 2017 ที่มาเลเซีย และปี 2019 ที่ฟิลิปินส์ ได้บายในรอบแรกมาลงแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ โชว์ฟอร์มเตะเหนือชั้นชนะ วู ถิ ตุง จอมเตะสาวเจ้าภาพเวียดนามขาดลอย 24-4 ทะยานเข้ารอบชิงชนะเลิศเข้าไปพบ ดายซี อู จูลุส จากพม่า
ผลการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศปรากฏว่า พาณิภัค เล่นได้อย่างสมศักศรีเหรียญทองโอลิมปิก เอาชนะไป 29-0 คะแนน คว้าเหรียญทอง ซีเกมส์สมัยที่ 3 ของตัวเอง
จากชัยชนะดังกล่าว ทำให้ พาณิภัค ไม่แพ้ใครมาเป็นเวลา 1,275 วัน หรือ 3 ปี 5 เดือน 26 วัน นับตั้งแต่พ่ายให้กับ คิม โซ ฮุย (8-10) คู่ปรับเก่าชาวเกาหลีใต้ ในรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ไฟนัล เมื่อวันที่ 23 พศจิกายน 2018
หลังจบกรแข่งขันล “น้องเทนนิส” กล่าวว่า ดีใจที่คว้าเหรียญทอง แต่ยังไม่ค่อยประทับใจฟอร์มตัวเองนัก อาจเป็นเพราะมีเวลาในการเตรียมตัวน้อย รอบรองชนะเลิศ เจอกับเวียดนาม ขาก็หมดแรง ส่วนสถิติไร้พ่ายมา 3 ปีกว่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเพราะทุกครั้งที่ลงสนามต้องมาเริ่มใหม่และต้องทำให้เต็มที่ทุกครั้ง
“คู่แข่งพัฒนาขึ้น มีนักกีฬาหน้าใหม่มากขึ้น เราเป็นอันดับ 1 ย่อมถูกจ้องมอง คู่แข่งอยากชนะ ดังนั้นเราต้องซ้อมหนักเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป โดยหลังได้เหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2020 รู้สึกหมดแพสชั่น แต่เมื่อคุยกับโค้ชเช ยอง ซอก และ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโด แล้วให้เราปรับขึ้นมาเล่นในรุ่น 53 กก. เพื่อค้นหาเป้าหมายใหม่ๆ ให้ตัวเอง และในศึกชิงแชมป์เอเชีย และโคเรีย โอเพ่น ปีนี้หนูก็จะเล่นรุ่น 53 กก.” น้องเทนนิส กล่าว