เพื่อไทย ซัด 8 ปี “ประยุทธ์” ใช้งบ 6 แสนล้านบาท แก้ปัญหาน้ำล้มเหลว แนะดูโครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท สมัย “ยิ่งลักษณ์”
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2565 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคพท. กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายจังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือว่า วันนี้น้ำท่วมกลับมาเป็นปัญหาหลักของประเทศอีกครั้งหนึ่ง นอกจากประชาชนจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลน้อยมากแล้ว การสั่งการให้ความช่วยเหลือในระดับจังหวัดก็ยังไม่ชัดเจน ทำให้เห็นว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องปัญหาน้ำท่วมของประชาชนเลย
นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า เมื่อมองไปที่การจัดสรรงบประมาณ ก็เป็นไปในทิศทางที่ตอบสนองต่อการเมือง แต่ไม่ได้จัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาที่แท้จริงให้กับประชาชนในพื้นที่ การแก้ไขปัญหาจึงไม่ตรงจุด ทั้งรัฐบาลยังไม่มีโครงการการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบในระดับโครงสร้างของประเทศ เพื่อรองรับทั้งสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้ง ขณะที่มีการเบิกจ่ายใช้งบประมาณไปกว่าล้านล้านบาทแล้ว แต่ประเทศไทยไม่สามารถบริหารจัดการน้ำได้เลย
“ปีนี้เกิดน้ำท่วมเนื่องจากพายุมู่หลาน ทำให้ลุ่มน้ำปิงได้รับผลกระทบหนัก เกิดน้ำท่วมที่จ.เชียงใหม่ ลุ่มน้ำน่านเกิดน้ำท่วมหนักที่ จ.น่าน และต่อจากนี้พายุเมียรี กำลังจะพัดกะหน่ำเข้ามาอีก จะทำให้ลุ่มน้ำยมได้รับผลกระทบโดยจะเริ่มที่ จ.แพร่ ต่อด้วยสุโขทัย และจะไปหนักที่พิษณุโลกเช่นทุกปี ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการแก้ไขจริงจัง พรรคพท.จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งการโดยเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาฉุกเฉินให้กับประชาชน มิใช่ปล่อยให้ประชาชนถูกลอยแพเหมือนทุกปีที่ผ่านมา” นายวรวัจน์ กล่าว
ด้านนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนและคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคพท. กล่าวว่า สิ่งที่อยากเสนอรัฐบาลนี้คืออยากให้ท่านกลับไปดูโครงการเมื่อปี 2555 พรรคพท.เคยออก พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ โดยจะกำหนดได้เลยว่าน้ำจะไปอยู่ตรงไหน จะไปพักได้ที่ไหน เรามองว่าการใช้งบประมาณในแต่ละปีไม่เป็นระบบ ไม่สามารถจัดการระบบน้ำได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีปัญหาว่าบางปีน้ำมากก็เกิดน้ำท่วม บางปีน้ำน้อยก็เกิดภัยแล้ง เมื่อเกิดภัยแล้งก็ส่งผลกระทบต่อภาคอื่นๆ ไปด้วย เท่ากับว่าน้ำเยอะไปก็ไม่ดี น้ำน้อยไปก็ไม่ดี การออก พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อจัดการน้ำ ปีไหนน้ำเยอะก็เก็บ ปีไหนน้ำน้อยเราก็ใช้น้ำที่เราเก็บไว้ นี่เป็นแนวทางของพรรคพท.มาตลอด หากรัฐบาลนี้ไม่สามารถคิดแผนการบริหารจัดการน้ำได้เอง ก็สามารถไปดูนโยบายหรือข้อเสนอที่พรรคพท.เคยเสนอได้
“สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เราได้ทำแผนเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งแผนนี้ควรเสร็จตั้งแต่ปี 2560 แล้ว และถ้าเสร็จตามกำหนดเดิม วันนี้เราจะมีแผนบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบ เพราะหากมองความสูญเสียที่เกิดขึ้นในแต่ละปีทั้งจากภัยน้ำท่วมและภัยแล้งแล้วมีมูลค่ามหาศาล เมื่อเทียบกับ 3.5 แสนล้านบาทที่ได้ระบบการบริหารจัดการน้ำที่ครอบคลุมทั้งประเทศ”
“หากจัดการไม่ครอบคลุมก็เกิดเหตุการณ์อย่างกรณีอุโมงค์ยักษ์ของ กทม.ที่ดี มีประโยชน์ แต่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.บอกแล้วว่าน้ำมาไม่ถึงอุโมงค์ เพราะการบริหารจัดการน้ำไม่ครบ หากบริหารจัดการครบทั้งระบบ น้ำจะต้องเข้ามาที่อุโมงค์ยักษ์และจะมีระบบระบายน้ำออกอีกทอดหนึ่ง นี่คือภาพใหญ่”
นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลพล.อ ประยุทธ์ที่ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 600,000 ล้านบาท แต่กลับยังมีปัญหาเหมือนเดิม เพราะเป็นการของบประมาณแต่ละปีของแต่ละหน่วยไป แล้วได้เพียงการจัดการน้ำในปีนั้นๆ หากรัฐบาลนี้จะหยิบโครงการนี้ไปดำเนินการเพื่อบริหารจัดการน้ำทั้งระบบตอนนี้กับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลคงไม่ทันแล้ว หากพรรคพท.ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล เราจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อทันที วันนี้เรามีภาพของทั้งประเทศแล้ว และนโยบายที่เราจะออกมาในอนาคตจะมีรูปแบบที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด