ผู้ประกอบการผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง มอบห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก อาคารศรีตาปี รพ.สุราษฎร์ธานี

Home » ผู้ประกอบการผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง มอบห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก อาคารศรีตาปี รพ.สุราษฎร์ธานี



ผู้ประกอบการผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง มอบห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก อาคารศรีตาปี รพ.สุราษฎร์ธานี

วันที่ 8 ส.ค.65 ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาเป็นประธานมอบห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก อาคารศรีตาปี ให้กับโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เพื่อแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่ห้องจ่ายยาใหญ่ได้วันละประมาณ 200-300 คน จากที่มีผู้ป่วยมารับยาทั้งหมดวันละไม่น้อยกว่า 1 พันราย ในขณะที่ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการหนักยังคงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 165 ราย และมีผู้เสียชีวิต จำนวน 64 ราย วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย

น.ส.เยาวรัตน์ จันทร์หุ่น ผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง กล่าวว่า วันนี้ทางครอบครัวได้เดินทางมามอบห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก อาคารศรีตาปีให้กับโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ภายหลังจากที่ได้บริจาคเงินกว่า 5 แสนบาท มาดำเนินการก่อสร้างอาคารหลังดังกล่าว เพื่อเป็นอีกห้องหนึ่งที่จะจ่ายยาให้กับผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่จ่ายยาหลักที่มีญาติหรือผู้ป่วยเข้ารับยาวันละไม่น้อยกว่า 1 พันคน ซึ่งห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก อาคารศรีตาปีสามารถที่จะจ่ายยาให้กับผู้ป่วยได้วันละประมาณ 200-300 คนต่อวัน

ด้าน นพ.ดิเรก เอกบวรวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์แพทย์ศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก ศรีตาปี ในเวลาให้บริการแก่ผู้ป่วย อายุรกรรมโรคเลือด อายุรกรรมเคมีบำบัด อายุรกรรมทางเดินอาหาร อายุรกรรมทั่วไป คลินิกโรคเรื้อรัง คลินิกหลังสวนหลอดเลือดหัวใจ และคลินิกเติมยา PCI คลินิกกัญชาทางการแพทย์ Pain clinic ห้องส่องกล้อง ห้องตรวจสมรรถภาพปอด ห้องสวนหัวใจ (cath lab) ห้องผ่าตัดใหญ่ ห้องผ่าตัดหูคอจมูกและรังสีวิทยา ส่วนนอกเวลาจะให้บริการผู้ป่วยคลินิก SMC ทั้งหมดรวมถึง EYE ,ENT , สูติ, Ortho

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ยังคงมีการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 165 ราย เสียชีวิตจำนวน 64 ราย และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 3 ราย รักษาตัวที่บ้านอุ่นใจจำนวน 310 ราย ผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นต้นมาจำนวน 194 -137 ราย กลุ่ม 608 กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มประชาชนอายุระหว่าง 18-60 ปีมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้วทั้งหมด 33 เปอร์เซ็นต์

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ