ผู้ค้าร้านธงฟ้าฯ ร้องศูนย์ดำรงธรรมโคราช ถูกจนท.สรรพากรตุ๋นจ่ายภาษี โดนไป 7 ล้าน ความแตกถูกเรียกเก็บย้อนหลัง เผยเหยื่อ 31 คน สั่งสอบแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.พ.65 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา นายวรวรรณธน์ โพธวัฒน์ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านพรวนมินิมาร์ท ในพื้นที่หมู่ 4 ต.สายออ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา พร้อมผู้เสียหายรวม 15 คน เป็นผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ ได้นัดรวมตัวเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน กรณีถูกบุคลากรของสำนักงานสรรพากร อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จัดเก็บภาษีรายได้
ประกอบด้วย น.ส.เอ (นามสมมติ) ข้าราชการระดับชำนาญการ ล่าสุดถูกคำสั่งให้ย้ายไปประจำในพื้นที่อื่น, อดีตเจ้าหน้าที่หญิง ชื่อ น.ส.บี (นามสมมติ) ลาออกไปเมื่อปีที่แล้ว และ นายซี เป็นข้าราชการมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของ น.ส.เอ และ น.ส.บี ได้ร่วมกันหลอกลวงให้เสียภาษีในอัตราที่เกินความเป็นจริงโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจในความเป็นข้าราชการ จึงหลงเชื่อโอนเงินให้ทำเกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท โดยมี นายวัชรพงษ์ จิโสะ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม จ.นครราชสีมา เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
นายวรวรรณธน์ เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมโครงการประชารัฐซึ่งต้องรูดบัตรซื้อขายสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป เมื่อเดือนกันยายน 61 สรรพากรสาขา อ.โนนไทย แจ้งให้เสียภาษีเงินได้ 40,000 บาท ต่อมาตรวจสอบพบร้านมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงได้เรียกเก็บเงิน 6.8 แสนบาท ตนไม่มีมากพอที่จะจ่ายเป็นก้อน แต่มีเจ้าหน้าที่สรรพากรชื่อ น.ส.บี มาบอกให้ผ่อนจ่ายพร้อมช่วยทำรายการให้ทุกอย่างทุกขั้นตอน
จึงได้โอนเงินให้กับ น.ส.บี ครั้งละ 2-4 หมื่น ได้ใบเสร็จบ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งต้องหยิบยืมคนอื่นมาผ่อนจ่าย เป็นระยะเวลา 4 ปี ตนจ่ายเงินภาษีไปแล้ว 5.6 ล้านบาท ความมาแตกเมื่อถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง จึงทราบภายหลัง น.ส.บี ไม่ยอมส่งเงินเข้าระบบหรือส่งบ้างไม่ส่งบ้าง ซึ่งเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อโกง ก่อนหน้านี้ได้ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.โนนไทย และนัดรวมตัวแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.โนนไทย แต่ไม่มีความคืบหน้า ขณะนี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายคือ ผวจ.นครราชสีมา วิงวอนขอความเป็นธรรมให้ดำเนินการเอาคนผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด
นายวัชรพงษ์ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้เสียหายแสดงตัวเข้าแจ้งความดำเนินคดีจำนวน 31 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายในพื้นที่ อ.ขามสะแกแสง อีกหลายสิบราย รายละเอียดของกฎหมายสำหรับเรื่องนี้ค่อนข้างมีความสลับซับซ้อนพอสมควร เบื้องต้นให้ผู้เสียหายบันทึกเป็นคำร้องเพื่อดำเนินการรับเรื่องและจะรวบรวมข้อร้องเรียนรายงานให้ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา พร้อมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนทางกฎหมาย
“อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องร้องทุกข์ ยังไม่มีการตัดสินชี้ความผิดใดๆ ต้องผ่านกระบวนการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงแต่ขอให้มีความเชื่อมั่นบุคลากรภาครัฐต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน หากมีพฤติกรรมฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบต้องดำเนินอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่สังคม”
ด้าน พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รองผบก.ภ.จว.นครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำผู้เสียหายให้ครบทุกรายและต้องเรียกตัวสรรพากร อ.โนนไทย ในฐานะผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อขยายผลมีผู้อื่นร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่ ประเด็นสำคัญผู้เสียหายทั้งหมดระบุตัวตนคือ น.ส.เอ และ น.ส.บี จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารทุกบัญชีเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีอย่างละเอียดป้องกันไม่ให้โยกย้ายเงินในบัญชี ซึ่งเชื่อเป็นเงินที่มาจากพฤติการณ์ฉ้อโกงเงินภาษีประชาชน