ประธานมูลนิธิสยามนนทบุรี ติดใจโครงสร้างอาคารที่พังถล่ม วอนอย่าโทษเป็นความผิดกู้ภัย

Home » ประธานมูลนิธิสยามนนทบุรี ติดใจโครงสร้างอาคารที่พังถล่ม วอนอย่าโทษเป็นความผิดกู้ภัย



ประธานมูลนิธิสยามนนทบุรี ติดใจโครงสร้างอาคารที่พังถล่ม วอนอย่าโทษเป็นความผิดกู้ภัย

โทน บางแค ประธานมูลนิธิสยามนนทบุรีติดใจโครงสร้างอาคาร ยันประเมินสถานแล้วว่าไฟไหม้ระดับนี้น่าจะเอาอยู่ แต่กลับพังถล่มลงมา

(4 เม.ย.64) ที่วัดนครอินทร์ ถนนพิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี บรรยากาศงานรดน้ำศพ นายธนภพ ประไพ หรือ ต้น เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยของมูลนิธิสยามนนทบุรี ซึ่งเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้เมื่อวานนี้ 

ในวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพระราชทานพวงมาลา แด่ นายธนภพ ประไพ อาสาสมัครมูลนิธิสยามนนทบุรี ซึ่งเสียชีวิตในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้เมื่อวานนี้ พร้อมรับศพผู้วายชนม์อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์

โดยนำร่างของนายธนภพ อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย ผู้เสียชีวิตมาตั้งสวดพระอภิธรรมศพที่ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยและประชาชนเดินทางมาร่วมแสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก

นายโทนทอง สุขแก่น หรือ โทน บางแค ประธานอาสาสมัครมูลนิธิสยามนนทบุรี กล่าวว่า เขาจากไปอย่างวีรบุรุษในหน้าที่ เป็นเกียรติสูงสุดแต่เกียรติแบบนี้คงไม่มีใครอยากได้ ซึ่งหลังจากนี้ทางมูลนิธิสยามนนทบุรีจะดูแลช่วยเหลือครอบครัวอาสาสมัครของมูลนิธิของเราต่อไป ไม่ทอดทิ้งกัน พวกเราอาสาสมัครกู้ภัยทุกคนทำงานบนความเสี่ยงโอกาสที่จะเกิดเหตุก็มีอยู่แล้ว แต่ในเหตุการณ์นี้อย่ามาโทษว่าเป็นความผิดของพวกเรา มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ มากกว่า

ที่สำคัญต้องไปดูว่าโครงสร้างของตัวอาคารนี้มันได้มาตราฐานถูกต้องหรือไม่ เพราะทีมอาสาสมัครกู้ภัยก่อนจะเข้าไปได้ทำการประเมินสถานที่เอาไว้แล้วว่า ไฟไหม้ระดับนี้น่าจะเอาอยู่ ไม่น่าจะกระทบกับโครงสร้าง แต่ทำไมมันถึงพังถล่มลงมาได้อย่างง่ายดาย เป็นเรื่องที่ต้องไปหาคำตอบกัน  และนับตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิสยามนนทบุรีมา 16 ปี ต้นคือหนึ่งในทีมที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิกันมา ซึ่งสัญลักษณ์รูปดาว 16 ดวงของมูลนิธิเรานั้น หนึ่งในนั้นก็คือต้น 

น.ส.พัตร์พิมล ศรีไพร อายุ 39 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนหน้าที่สามีจะเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีลางบอกเหตุใดๆ มาก่อนเลย ซึ่งในวันที่เกิดเหตุยังนัดหมายกันว่าจะเดินทางไปทำบุญที่วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา โดยเตรียมข้าวของต่างๆ เอาไว้เรียบร้อย จนกระทั่งประมาณตี 4 สามีตนก็ได้รับวิทยุว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ เขาก็รีบลุกไปแต่งตัวจะออกไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ โดยบอกกับตนว่า ไฟไหม้ใหญ่จะรีบไปสมทบกับทีมอื่น แล้วจะรีบกลับมาไม่เกิน 7 โมงเช้า เพื่อจะเดินทางไปทำบุญกันต่อ

จนกระทั่งมาทราบข่าวร้ายจากน้องๆ ที่โทรมา ตนทำใจไม่ถูกเลยว่าเขาเสียสละทำหน้าที่จนวาระสุดท้าย เขาทำดีที่สุดแล้วเสียสละจนวินาทีสุดท้าย เขาจากไปเหมือนฮีโร่ คนทั้งประเทศรู้จักเขา โดยทางครอบครัวจะตั้งสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 7 คืน ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ