บุกทลาย โรงงานผลิตน้ำใบกระท่อม แปลงห้องครัวต้มขาย อุปกรณ์ครบชุด รวบ 9 ราย

Home » บุกทลาย โรงงานผลิตน้ำใบกระท่อม แปลงห้องครัวต้มขาย อุปกรณ์ครบชุด รวบ 9 ราย



ปกครองสงขลา บุกทลาย โรงงานผลิตน้ำใบกระท่อม แปลงสภาพห้องครัวต้มขาย อุปกรณ์ครบชุด รวบ 9 ราย ในบ้านส่งดำเนินคดี ผิด พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร

วันที่ 9 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.30 น.วัน 8 ก.พ.65 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอหาดใหญ่พร้อมกำลังสมาชิกอส.อำเภอหาดใหญ่ ภายใต้การอำนวยการของ นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอหาดใหญ่ นายสุบัญฑิตย์ ไชยแก้ว ปลัดอำเภอ (งานป้องกัน) นายพันธกานต์ รัชณรงค์ ปลัดอำเภอ ฝ่ายความมั่นคง

เข้าตรวจค้นภายในซอยดีแลนด์ ถนนพลพิชัย เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา หลังรับรายงานว่าเป็นแหล่งผลิตน้ำใบกระท่อมสดรายใหญ่ และที่หน้าบ้านขึ้นป้ายเขียนว่าขายยา ขณะเข้าตรวจค้นพบว่ากำลังนำน้ำใบกระท่อมที่บรรจุใส่ถึงนำไปขึ้นรถเก๋งด้วย

ในบ้านพบห้องครัวหลังบ้านถูกแปลงสภาพเป็นโรงงานผลิตน้ำใบกระท่อมขนาดย่อมๆ มีน้ำใบกระท่อมที่กำลังต้มสดๆอยู่ในหม้อขนาดใหญ่บนเตาแก๊ส 7 หม้อ แต่ละหม้อกำลังเดือดปุดๆ โดยถังแก๊สที่ใช้ต้มเป็นถังแก๊สขนาด 48 กิโลกรัม รวมถึงเตาแก๊สเหมือนกับที่ใช้ในร้านอาหาร และอุปกรณ์เสริมในกระบวนการผลิตน้ำใบกระท่อมครบเซ็ต

พร้อมกันนี้ยังพบ น้ำใบกระท่อมบรรจุอยู่ในถุงขนาด10 ลิตร 10 ถุง ซึ่งแต่ละถุงมีชื่อกำกับไว้ด้วย ใบกระท่อมสดจำนวนหนึ่งพร้อมป้ายไวนิล ”เสือสาวจำหน่วยใบท่อมและและน้ำท่อมสด”วางอยู่ในบ้าน”

รายงานยังระบุอีกว่า พบ ขวดขนาด 1.5 ลิตร และ กระท่อมวางซ้อนเรียงกันอยู่ในบ้านประมาณ16 แพ็ก ซึ่งน่าจะใช้เป็นส่วนผสมกับน้ำใบกระท่อมเพื่อผลิตเป็นยาเสพติดสี่คูณร้อยด้วย เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมด

จึงควบคุมทั้งผู้ที่อยู่ในบ้าน 9 คน ชาย 7 คน หญิง 2 คนไปสอบสวนที่อำเภอหาดใหญ่ โดยหนึ่งในนั้นซึ่งเป็นชายที่กำลังขนน้ำใบกระท่อมขึ้นรถเก๋ง อ้างว่าไม่ได้ต้มขายแต่ต้มไว้ดื่มเองและนำไปแจกให้กับคนงานในส่วน ซึ่งแต่ละถุงมีขนาด 10 ลิตรชายคนยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าดื่มคนเดียวหมด ส่วนถังแก๊สและอุปกรณ์ที่พบในครัวนั้นเคยใช้เปิดร้านอาหารมาก่อน

แต่จากหลักฐานและสภาพที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ เพราะเข้าข่ายโรงงานผลิตน้ำใบกระท่อมขนาดย่อมๆเลยทีเดียว จึงแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 มาตรา 91 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และ พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 50 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5 พันบาทถึง 2 หมื่นบาท

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ