บิ๊กตู่ โชว์ผลงาน ปราบฉ้อโกงออนไลน์ แนะ ประชาชนรู้เท่าทันภัย-ช่วยแจ้งเบาะแส

Home » บิ๊กตู่ โชว์ผลงาน ปราบฉ้อโกงออนไลน์ แนะ ประชาชนรู้เท่าทันภัย-ช่วยแจ้งเบาะแส



‘บิ๊กตู่’ โพสต์เฟซบุ๊ก โชว์ผลงานปราบฉ้อโกงออนไลน์ ยัน รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหา แนะ ประชาชนสร้างภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทันภัย ช่วยแจ้งเบาะแส

เมื่อค่ำวันที่ 15 พ.ย. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ประเด็นสำคัญของการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้อีกเรื่องหนึ่ง คือ นโยบายและความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่กำลังระบาดและเป็นปัญหาในสังคมไทยในปัจจุบัน

โดยมีผลการดำเนินงานแบ่งตามประเภทของการกระทำความผิด ดังนี้ 1.แก๊ง Call Center ได้รับแจ้งความ 7,629 คดี รวมความเสียหาย 1.8 พันล้านบาท สามารถปิดกั้นการส่ง SMS 33,216 ครั้ง และระงับเบอร์โทรแก๊งมิจฉาชีพ 42,929 หมายเลข รวมทั้งจับกุมผู้กระทำผิดได้ 166 ราย

2.บัญชีม้า ทำการอายัดบัญชี 40,198 บัญชี และเตรียมอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการทำความผิดอีก 4,375 ล้านบาท (อายัดแล้ว 305.4 ล้านบาท) รวมทั้งปิดกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายบัญชีม้าอีก 6 กลุ่ม 3.การหลอกลวงลงทุน-ระดมทุนออนไลน์ และการหลอกลวงทางการเงิน ได้รับการร้องเรียน/แจ้งความ 57,833 คดี รวมความเสียหาย 1.1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันสามารถดำเนินคดีแล้ว 653 คดี มีผู้ต้องหา 747 ราย

4.การพนันออนไลน์ ดำเนินการปิดกั้น 1,507 เว็บไซต์ พร้อมดำเนินคดีแล้ว 312 คดี มีผู้ต้องหา 403 ราย สร้างความเสียหาย 625 ล้านบาท 5.การหลอกลวงซื้อขายสินค้า/บริการออนไลน์ จากการแจ้งความ 42,638 คดี ก่อความเสียหาย 510 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถดำเนินคดีแล้ว 469 คดี มีผู้ต้องหา 490 ราย ครอบคลุมคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ ได้แก่ คดี Forex-3D ที่มีผู้เสียหายเกือบหมื่นราย สร้างความเสียหายราว 2,500 ล้านบาท และคดีฟาร์มเห็ด ที่มีผู้เสียหายกว่า 2,700 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า อย่างไรก็ตาม แนวทางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้ มิได้เน้นเพียงการจับกุมที่เป็นปลายเหตุ แต่ต้องป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ ทั้งการบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ องค์กรอิสระ เช่น ธปท. ก.ล.ต. ปปง. และกสทช. ตลอดจนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาอย่างครบวงจร โดยมีเป้าหมายคือการถอนรากถอนโคนและทำลายเครือข่ายอาชญากรรมต่างๆ การเร่งรัดการแก้ไข/ปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย และบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ออกพ.ร.ก.เพื่อยับยั้งบัญชีม้าและธุรกรรมต้องสงสัย

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุต่อว่า แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา และวิอาญา เพื่อให้การดำเนินคดีสอดรับกับรูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขยายผลประกาศกระทรวงดิจิทัลฯ เรื่องขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ (มีผลบังคับใช้ 25 ธ.ค.65) ยกร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดลักษณะกิจการ หรือหน่วยงาน ที่ยกเว้นมิให้นำ PDPA มาใช้บังคับ ซึ่งครม.เห็นชอบในหลักการแล้ว

รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ดังกล่าว โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การจัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) ที่เชื่อมโยงกันและแลกเปลี่ยน/ตรวจสอบข้อมูลข้ามหน่วยงานได้ และ Social listening/monitoring และการเพิ่มเติมทรัพยากรให้หน่วยปฏิบัติ ทั้งบุคลากร เครื่องมือ และงบประมาณ เป็นต้น

“สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันการหลอกลวงและกลโกงต่างๆ คือ การสร้างภูมิคุ้มกันในตนเอง ให้มีความตระหนักและรู้เท่าทันภัย ที่เป็นด้านมืดของเทคโนโลยีดิจิทัล ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงต้องมีสติ รู้เท่าทัน รวมถึงช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส และติดตามข่าวสาร การแจ้งเตือนภัยรูปแบบต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและจากสื่อมวลชน ก็จะช่วยป้องกันการเสียหายก่อนที่จะมาถึงตัว และคนในครอบครัวของเรา” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

ดูโพสต์

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ