เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล คณะเจ้าหน้าที่และนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา เข้ารับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาท ตอนหนึ่งว่า ทุกคนเป็นตัวแทน ของประเทศไทยไปทำการแข่งขัน ถือเป็นความภาคภูมิใจของตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติ นอกจากเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านกีฬา ยังถือโอกาสทำหน้าที่ทูต ในฐานะรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และคนไทยทุกคน ขอเป็นกำลังใจให้นักกีฬาไทย ผู้ฝึกสอนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ช่วยกันทำงาน ตามขีดความสามารถ ปฏิบัติตามกฎ กติกา มารยาทการแข่งขัน รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย โดยเฉพาะเรื่องสติอารมณ์ ในการแข่งขัน ต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เรื่องใดก็ตามที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ไม่ควรกระทำให้เกิดผลกระทบกับภาพใหญ่ต่อไปในระยะยาว แน่นอนว่าการแข่งขันกีฬา ทุกคนหวังชัยชนะ และ นายกรัฐมนตรี ก็หวังให้ทุกคนได้รับชัยชนะมากที่สุด

“การไปแข่งขันทุกคนต้องแบกตัวเอง และ ชื่อเสียงประเทศไปด้วย จิตใจ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะนำไปสู่ชัยชนะ และ สถานการณ์ในครั้งนี้ต่างก็ทราบดีว่า มีปัญหาอยู่มากพอสมควรในการจัดการแข่งขันกีฬา เราก็ต้องเห็นใจเจ้าภาพด้วยเหมือนกัน หลายเรื่อง อย่าเอาการเมืองเข้าไปยุ่งกับกีฬา เพราะคนละสถานการณ์กัน ทุกคนต้องการความรักความสามัคคี เราต้องมีจิตใจเป็นนักกีฬา เรื่องอื่นให้ปล่อยไป ไม่เช่นนั้นจะเป็นกังวล อย่าโกรธหรือเกลียดใคร เพราะจะทำให้สมรรถนะในการแข่งกีฬาลดลง เพราะใจหงุดหงิด ดังนั้นต้องไม่หงุดหงิด เวลาไปแข่งขันจะแพ้หรือชนะไม่เป็นไร หากไม่ชนะก็ไปเชียร์กีฬาอื่น ต้องช่วยกันแบบนี้ และ คาดหวังว่าในปีนี้จะได้รับรางวัลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหากแข่งแล้วได้ทั้งหมด ก็คงไม่มีใครแข่งด้วย ฝากให้ทุกคนช่วยกันพัฒนากีฬา เพราะนี่คือหนึ่งใน Soft Power ก่อนทิ้งท้ายว่า ในการแข่งขันทุกประเภท หรือการแข่งขันอะไรก็แล้วแต่ ต้องมีจิตใจเป็นนักกีฬา และ ขอให้ทุกคนพยายามช่วยกันทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองปลอดภัย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ เผยถึงความมั่นใจในการเดินทางไปแข่งขันของคณะนักกีฬาว่าจะได้รับการดูแลและมีความปลอดภัย เนื่องจากปัญหาเรื่องกีฬามวยไทยและกุนขแมร์ รวมถึงเสียงวิจารณ์ความไม่พร้อมการเป็นเจ้าภาพของกัมพูชา ว่า เป็นธรรมดาการเดินทางไปแข่งขันต่างประเทศ หลายๆอย่างเป็นสิ่งที่เจ้าภาพต้องทำให้ดีที่สุด เพราะจะได้ไม่เสียชื่อ ซึ่งกีฬาเป็นแหล่งรวมของคนหลายประเทศที่จะไปแข่งขันด้วยการที่เป็นสมาชิก เฉพาะทีมเราก็พันกว่าคนแล้วที่ไป ทั้งนักกีฬา ผู้สนับสนุน โค้ช อะไรต่างๆ ฉะนั้นถ้าทำได้ดีก็ได้รับการชื่นชม ถ้าทำไม่ดีก็อีกเรื่องหนึ่ง ตนก็บอกคนของเราแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ความรักความสามัคคี ดังนั้นทุกคนต้องอดทน ปัญหามันเยอะอยู่แล้ว และเราไม่ควรจะทำให้ปัญหามันเพิ่มขึ้นทุกวันๆจากเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ จากเรื่องนี้ไปเรื่องโน้น นี่มากีฬาอีกเรื่องหนึ่ง มันคงไม่ได้

“ผมเห็นแล้วมีการเคลื่อนไหวต่างๆในโซเชียลและในสื่อต่างๆเยอะแยะ ก็ไปดูแล้วกัน ซึ่งเราจะต้องทำตัวไม่ให้เป็นภาระให้มากที่สุด เราก็อยู่ของเรา เราอยู่อย่างสงบ แต่การจะให้ทุกการแข่งขันกีฬาทำได้มีเหมือนกันมันก็ยาก อันนี้เป็นเรื่องของประเทศเขา ผมเชื่อว่าเขาทำได้ เราต้องมั่นใจอย่างนี้ก่อน เพราะเราก็ประเทศเพื่อนบ้านกันทั้งนั้น”นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อถามว่าที่มีการเคลื่อนไหวเราจะต้องทำความเข้าใจหรือไม่กับประเทศเพื่อนบ้านในสิ่งที่มีการพูดคุยกันในโซเชียล นายกฯกล่าวว่า คนเขียนตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่เขียนมามันทำให้เกิดบ่อเกิดความขัดแย้ง ต้องไปดูก่อนว่าใช่ไม่ใช่เป็นอย่างไร มันเป็นเรื่องที่ต้องเห็นอกเห็นใจเขา เรื่องไหนที่มันไม่ถูกไม่ต้องเมื่อกลับมาก็คุยกันเสีย มันทะเลาะกันไม่ได้อยู่แล้ว ดินแดนก็ติดกัน

เมื่อถามว่าที่ให้โอวาทนักกีฬาว่าอย่าเอากีฬาไปเชื่อมโยงกับการเมืองเพราะขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงการเลือกตั้งของกัมพูชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าไปยุ่งกับเขา อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์เขา มันเป็นเรื่องของเขา ส่วนเรื่องของบ้านเราก็เป็นเรื่องของเรา คนละเรื่อง ถ้าพันกันทั้งหมดก็วุ่นไปหมด “ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใครหรอก เรื่องของเราก็เรื่องของเรา ปัญหาเราก็เยอะพออยู่แล้วจะไปยุ่งกับปัญหาของเขาอีก ทุกคนเขาก็มีปัญหาบ้าง”