บล็อกเกอร์สาวฟ้องคนบูลลี่ 2 แสน มีจ่ายแค่ 35,000 อุตส่าห์ใจดีแต่คู่กรณีไม่จบ ขู่ฟ้องกลับ

Home » บล็อกเกอร์สาวฟ้องคนบูลลี่ 2 แสน มีจ่ายแค่ 35,000 อุตส่าห์ใจดีแต่คู่กรณีไม่จบ ขู่ฟ้องกลับ

“ทราย ฟาร์มสุขเล็กๆ” ฟ้องคนบูลลี่รูปชุดว่ายน้ำ เรียก 2 แสน มีจ่ายแค่ 35,000 ล่าสุดคู่กรณีไม่จบ อ้างผู้เสียหายมาขอไกล่เกลี่ยเอง ขู่ฟ้องกลับ

ทราย เบญจพร หรือ ทราย ฟาร์มสุขเล็กๆ บล็อกเกอร์สาวชื่อดัง โพสต์ข้อความในเพจ Framsook Lek Lek กรณีถูกคนในโลกออนไลน์ แชร์ภาพบิกินี่ริมทะเลของเธอ ไปเขียนข้อความบูลลี่ คุกคามทางเพศ และมีคนเข้ามาคอมเมนต์กันสนุกปาก จนทำให้เจ้าตัวตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดี ล่าสุด ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าเสียหาย โดยเจ้าตัวเขียนเล่าเรื่องเอาไว้ว่า

วันนึงมีคนทักเข้ามาในเพจว่ามีคนแชร์รูปทรายไปในกลุ่มๆหนึ่งข้อความก็อย่างที่เห็นเลยค่ะ ทรายได้แต่สงสัยว่าเราไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจเหรอ การไปเที่ยวทะเลแล้วใส่ชุดว่ายน้ำมันผิดกาลเทศะ? รึว่าแค่เพราะเราอ้วนจึงถูกรังเกียจ

ตอนแรกคิดว่าอยากเข้าไปโต้ตอบพวกเขาเหมือนกันแต่ก็คิดว่าเราต้องมีความคิดต่ำๆขนาดไหนถึงจะสามารถพิมพ์ข้อความแบบนั้นได้ เราเลยปกป้องตัวเองด้วยวิธีทางกฎหมาย

ทรายไปศาลทุกครั้ง ทั้งๆ ที่แค่ส่งทนายไปก็ได้ ทรายไปเพราะอยากเจอคู่กรณีอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาพูดกับเราแบบนั้น อยากรู้ว่าถ้าเขาเจอหน้าเรา จะขอโทษมั้ยและก็เป็นไปตามคาดไม่มีคำเหล่านั้นหลุดออกมา

ทรายเรียกไป 2 แสน ซึ่งเป็นโทษสูงสุด ทางนั้นยื่นมาว่าขอให้แค่ 3 หมื่นเพราะเขาเป็นแค่พนักงานโรงงานเงินเดือนแค่ 15,000 แน่นอนว่าทรายไม่ยอมไม่ใช่เพราะมันน้อยไปหรอกนะแต่เพราะมันดูง่ายไป เมื่อทรายไม่ยอมผู้พิพากษาก็เรียกไปคุยหน้าบัลลังก์ ทรายบอกท่านว่างานเราใช้ชื่อเสียงและการกระทำของเขาอาจทำให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการจ้างงานได้

ท่านผู้พิพากษาแนะนำว่าให้ไปไกล่เกลี่ยกันอีกทีและคนที่จะเข้ามาจ้างงานก็น่าจะมีวิจารณญาณว่าเราไม่ใช่คนผิดเพราะเราไม่ได้เป็นคนทำ ประโยคนี้ทำเราใจชื้นขึ้นมาเยอะเลย สุดท้ายเราเลยยื่นตัวเลขไปว่า 50,000 งวดเดียวหรือ 70,000 แบบทยอยจ่ายแล้วเราก็จะถอนฟ้องให้ แต่ทางนั้นก็พูดมาอย่างเดียวว่าตอนนี้ไม่มี โอเคร งั้นเราให้เวลาอีก 1 เดือนแล้วมาเจอกันครั้งหน้าซึ่งเป็นนัดไกล่เกลี่ย

จนมาถึงวันนัดไกล่เกลี่ย เริ่มจากเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยเรียกทางเราเข้าไปก่อน ท่านพูดคุยให้คำปรึกษากับเราซึ่งดีมาก ท่านบอกว่าถ้าจบเร็วจะเป็นผลดีต่อเรานะทั้งเรื่องเวลาและชื่อเสียงด้วย เราเลยยื่นไปว่าถ้า40,000ได้ ทางเราจะถอนฟ้องให้ (คดีนี้เป็นอาญานะคะ)

จากนั้นเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยก็เรียกอีกฝ่ายเข้าไปคุย(เป็นการสลับกันเข้าไป) ประมาณ10นาทีมีเจ้าหน้าที่มาตามเราและทนายเข้าไปในห้องเพื่อคุยกับคู่กรณีแบบเผชิญหน้า เจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยแจ้งว่าทางนั้นมีแค่35,000เพราะมาจากโคราชมีเงินอยู่เท่านี้และเงินจำนวนนี้คือเงินของพ่อแม่ไม่ใช่เงินของลูกชายผู้กระทำผิดเพราะเขาไม่มี อยากให้ถอนฟ้องอยากให้เรื่องจบจะให้พ่อแม่มาไหว้ขอโทษแทนก็ยอม เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมเราถึงยอมให้เรื่องจบด้วยเงิน 35,000

อันที่จริงมันอาจจะเป็นแค่เทคนิคในการต่อรองหรืออะไรก็ไม่รู้แหละแต่การจะให้คนอายุจะ70 มาขอโทษเรา ทั้งๆ ที่พวกเค้าไม่ได้ทำผิดอะไรเราว่ามันไม่ควรจริงๆ ส่วนตัวคนกระทำผิดเราบอกให้โพสต์ขอโทษลงโซเชี่ยลกลับตอบเรามาว่าแค่ขอโทษซึ่งหน้าไม่ได้เหรอ เราบอกไม่ได้ทีคุณยังแชร์เรื่องเราไปโพสต์บนโซเชียลเลยและต้องแท็กเพจกับเฟสเรา ห้ามลบด้วย เขาก็แค่โพสตามที่ทุกคนเห็นและไม่ได้เอ่ยขอโทษต่อหน้าเราสักคำ

ทรายใช้ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 8 เดือนในการดำเนินคดีไปศาลทั้งหมด 3 ครั้ง อ่านข้อความเหล่านั้นซ้ำๆ แบบนับไม่ถ้วนและคิดว่าเป็นเพราะเราอ้วนแค่นั้นเองเหรอ เรื่องนี้มันมีผลกระทบต่อจิตใจเรามาตลอด ในโลกโซเชียลที่ทุกคนเห็นเราดูเป็นคนมั่นใจและสดใสคือเราต้องพยายามสร้างสิ่งนั้นเพื่อกดทับเรื่องเหล่านี้ไว้

สุดท้ายทรายอยาก”ขอ”ว่าอย่าคอมเม้นท์ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรงอย่าให้เขามาหาผลประโยชน์จากความไม่พอใจของเราได้ และที่สำคัญอย่าไปว่าพ่อแม่รึคนรอบข้างเขาเลยพวกเขาไม่ได้ผิดอะไร
ทรายชอบประโยคนึงจาก Forrest gump “จงสุภาพกับทุกคน แม้คนนั้นจะหยาบคายกับคุณก็ตาม ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่เพราะคุณเป็นคนดี”

เรื่องไม่จบเพราะคู่กรณีโพสต์ขู่ฟ้องกลับ

ล่าสุด ทราย ได้แชร์ข้อความจากฝั่งคู่กรณีที่ดูเหมือนจะยังไม่ยอมจบเรื่อง อีกทั้งยังขู่จะฟ้องกลับทางผู้เสียหายอีกด้วย ข้อความระบุว่า

ตอนแรกก็นึกว่าจะจบแล้วแต่มีคนแคปมาให้ดูว่าทางนั้นน่าจะยังไม่จบ ทรายขออธิบายในมุมของทรายบ้าง

– ทรายตั้งใจฟ้อง พรบ.คอมนำเข้าสื่อลามกฯลฯ ไม่ได้จะฟ้องหมิ่ประมาทเลยเพราะปรึกษาทนายแล้วว่าถ้าฟ้องหมิ่นอาจโดนยกฟ้องเพราะเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเราโดยตรงแต่ถ้าฟ้องนำเข้าน่าจะเข้าข่ายมากกว่าทรายเชื่อคำแนะนำที่ทนายของทรายบอกเพราะเขาได้ศึกษามาอย่างถี่ถ้วนแล้ว อีกอย่างทรายเคยขึ้นศาลด้วยคดีฟ้องหมิ่นมาแล้ว2ครั้งเลยพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง
-เรื่องที่บอกว่าเขาขอผมไกล่เกลี่ย ฮะ!!!ทรายโดนกระทำแต่ต้องไปขอร้องเขาไกล่เกลี่ยเหรอ เอ้า!ถ้าอย่างนั้นทรายจะฟ้องทำไม “การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นกระบวนการที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วโดยไม่ต้องมีใครร้องขอ”
-ในเรื่องไกล่เกลี่ยทนายของคุณบอกกับทางเราว่า เขาทำงานโรงงาน ไม่ได้มีเงินเยอะ พร้อมจะชดใช้แค่3หมื่น
-เรื่องที่คุณบอกว่าเราบิดเบือนคือเรื่องไหน เรื่องที่ท่านผู้ไกล่เกลี่ยแจ้งว่าครอบครัวคุณเดินทางมาจากโคราชมีเงินมาจำนวน35,000 บาท และถ้าพ่อแม่ขอโทษแทนลูกได้ก็ทำไปแล้ว รึว่าเรื่องที่คุณบอกเราว่าขอโทษแค่ซึ่งหน้าไม่ได้เหรอ ในห้องไกล่เกลี่ยมีท่านผู้ไกล่เกลี่ยมีเจ้าหน้าที่ประนีประนอม มีผู้อยู่ในห้องใกล่เกลี่ยทั้งหมด11คนรวมถึงพ่อแม่คุณด้วย มันไม่ใช่แค่เราสองคน จะได้โกหกกันไปมาได้
-และที่คุณบอกว่าจ่ายจบ ยุติ ทำไมมันดูง่ายจัง คุณไม่เคยเดินมาขอโทษเราไม่เคยถามว่าจิตใจเราเป็นอย่างไรบ้าง คิดว่าเงินที่คุณชดใช้มาพอกับค่าไปปรึกษากับจิตแพทย์มั้ย
-ไม่คิดว่าเราจะเอามาทำเป็นคอนเทนต์ คือเราแค่ออกมาอธิบายในพื้นที่ของเราเพราะคุณก็แชร์ภาพเราไปจากตรงนี้ไง เราทนกับสิ่งเหล่านี้มา8เดือนรอให้สิ้นสุดขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อที่เราจะสามารถอธิบายได้ว่าเราโดนอะไรมาบ้าง ย้ำว่าเราทนมา8เดือนแต่คุณเพิ่งโดนแค่วันเดียวคุณก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับชีวิตคุณซะแล้ว
-และที่คุณบอกว่าจะฟ้องเรากลับไม่ว่าจะด้วยข้อหาอะไรก็ตาม เรายินดีที่จะเดินทางไปขึ้นศาลและพร้อมที่จะดำเนินตามขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม จะเคารพในคำตัดสินถ้าหากเราเป็นฝ่ายผิดก็พร้อมจะขอโทษอย่างจริงใจและเยียวยาค่าเสียหายด้วยเงินที่เราหามาได้ด้วยตัวเองโดยไม่เบียดเบียนครอบครัว
-สุดท้ายคุณอย่าใช้คำว่า”สำนึก”กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยค่ะมันฟังแล้วดูจั๊กจี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ