ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 โดยระบุขณะนี้ทั่วโลก อยู่ในช่วงขาลง การแพร่ระบาดและเสียชีวิตเริ่มลดน้อยลง

จากข้อมูลพบว่าทวีปยุโรปลดลงค่อนข้างช้า ทวีปอเมริกาลดลงอย่างรวดเร็ว เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิกตะวันตกเริ่มลดลง แต่โดยสรุปหลายพื้นที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนประเทศเพื่อนบ้านร่วมภูมิภาคที่น่าสนใจเวียดนามติดเชื้อเฉลี่ยน้อยกว่าไทย แต่อัตราเสียชีวิตน้อยมาก มาเลเซียก็เสียชีวิตน้อยลง สิงคโปร์อยู่ในช่วงขาลง

ศ.นพ.ประสิทธิ์ ย้ำว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังสำคัญ ประเทศที่คุมโควิดได้ เพราะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 50 เปอร์เซ็นต์

สําหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ฉีดวัคซีนไปแล้ว 132 ล้านโดสจากจำนวนประชากร 70 ล้านคน ฉีดเข็มกระตุ้น 36.6 เปอร์เซ็นต์ ยังห่างจาก 50 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องเร่งฉีดเข็มกระตุ้น

ขณะนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันจาก 2 หมื่นกว่าราย ลดลงเหลือหมื่นกว่าราย แต่ปรากฏว่าอัตราการเสียชีวิตกลับไม่ลดลง เฉลี่ยต่อวันยังสูงในระดับ 100 กว่าราย

ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้สูงอายุ ป่วยโรคประจำตัวเรื้อรัง และกลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนซึ่งยังเหลืออีกกว่า 2 ล้านคน โดยผู้เสียชีวิต 50-60 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนกลุ่มนี้

ที่น่าห่วงอีกจุดหนึ่ง ผู้เสียชีวิตในแต่ละวันมีเด็กเล็กอายุไม่ถึง 5 ขวบรวมอยู่ด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัส คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมให้ข้อมูลและแสดงความกังวล

โดยระบุหลังจากการระบาดสายพันธุ์โอมิครอนตั้งแต่เดือนม.ค. ข้อมูลเบื้องต้นของกระทรวงสาธารณสุข มีเด็กเสียชีวิต 51 ราย พบว่า 39 รายอายุน้อยกว่า 5 ขวบ ส่วนอายุ 5 ขวบขึ้นไปมีเพียง 12 ราย

ในจำนวนนี้เด็กปกติไม่มีโรคประจำตัวและเสียชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็ก ส่วนเด็กโตเสียชีวิตเกือบทั้งหมดมีโรคประจำตัว แม้เด็กติดโควิด ความรุนแรงน้อยกว่าผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ แต่ถ้าลงเอยด้วยเด็กเสียชีวิต จึงย่อมไม่ปกติแน่นอน

จึงเป็นอีกช่องโหว่ที่รัฐบาลต้องปรับมาตรการรับมือลดอัตราการเสียชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ทรัพยากรบุคคลแห่งอนาคตของชาติ