วันที่ 7 มี.ค.เอเอฟพีรายงานว่า น.ส.คิม โยจอง น้องสาวทรงอิทธิพลของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือเตือนว่า หากสหรัฐอเมริกาสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือระหว่างทดสอบเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก จะถือว่าเป็นการประกาศสงคราม นับเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นช่วงที่สหรัฐและเกาหลีใต้จะซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปีในเดือนมี.ค.นี้

เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักบี-52 เอช ของสหรัฐบินเหนือทะเลด้านตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลีร่วมกับเครื่องบินรบเอฟ-15 เค จำนวน 2 ลำของเกาหลีใต้ เมื่อ 6 มี.ค. -ภาพจากกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้

น.ส.คิมระบุว่า มหาสมุทรแปซิฟิกไม่ได้เป็นของสหรัฐหรือญี่ปุ่น เกาหลีเหนือเตรียมพร้อมอยู่เสมอที่จะดำเนินการที่แข็งแกร่ง รวดเร็วอย่างเหมาะสมในทุกช่วงเวลา ด้านกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวหา สหรัฐอเมริกาเพิ่มความตึงเครียดอย่างจงใจ จากการซ้อมรบทางอากาศดังกล่าว ซึ่งชัดเจนว่าการซ้อมรบของสหรัฐซึ่งจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่อต้านเกาหลีเหนือนั้น เดินหน้าต่อไปในระดับสงครามจริง พร้อมแสดงความเสียใจต่อการขาดความรับผิดชอบและกังวลการขยายอำนาจของสหรัฐและเกาหลีใต้

เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักบี-52 เอช ของสหรัฐบินเหนือทะเลด้านตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี ขนาบข้างโดยเครื่องบินรบเอฟ-15 เค (ภาพบน) และ เครื่องบินรบขับไล่เคเอฟ-16 จำนวน 2 ลำ (ภาพล่าง) ของเกาหลีใต้ในการซ้อมรบร่วมทางอากาศ เมื่อ 6 มี.ค. -ภาพจากกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้

สหรัฐและเกาหลีใต้ ซ้อมรบทางอากาศในสัปดาห์นี้ รวมเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักบี-52 เอช ของสหรัฐ ซึ่งสามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ โดยเริ่มเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนการซ้อมรบต่างๆรวมถึงฟรีดอมชีลด์ ซึ่งกำหนดระยะเวลา 10 วัน และเริ่ม 13 มี.ค. 2566

สองพันธมิตรเพิ่มความร่วมมือด้านกลาโหมรวมถึงการซ้อมรบทางทหารร่วมกันในยามเผชิญภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น จากการทดสอบอาวุธต้องห้ามหลายครั้งในช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกาหลีเหนือระบุว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธเป็นการป้องกันตนเองและตอบสนองอย่างโกรธเคืองต่อการซ้อมรบร่วมสหรัฐและเกาหลีใต้ เนื่องจากเกาหลีเหนือมองว่าเป็นการซ้อมบุกรุก
………………