“นอท” เผยจุดยืนพร้อมร่วมรัฐบาล พรรคได้คะแนนอันดับหนึ่ง ปิดสวิตช์ ส.ว.เลือกนายกฯ 22 เม.ย. พรรคเปลี่ยน kick off นโยบายไรเดอร์-ชาวสองล้อ เล็งปรับปรุง พ.ร.บ.ขนส่งทางบกให้ทันสมัย

18 เม.ย. 66 – นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” หัวหน้าพรรคเปลี่ยน พร้อมด้วยนายณัฐชนน อาภาศรีรัตน์ โฆษกพรรคเปลี่ยน ร่วมพูดคุยปัญหาต่างๆ กับ ผู้ขับขี่ไรเดอร์ เตรียม Kick Off เปิดนโยบายไรเดอร์ อย่างเป็นทางการ วันที่ 22 เม.ย. นี้

นายพันธ์ธวัช กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้ขับขี่ไรเดอร์พบว่า ปัญหาค่าตอบค่ารอบลดลง และมีการบังคับช่วงเวลาวิ่งบริการ ทำให้ไม่สามารถทำเป็นอาชีพเสริม หรือทำเป็นอาชีพประจำได้ และปัญหาไม่ได้รับสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐาน ซึ่งปัญหานี้รวมไปถึงผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง หรือวินมอเตอร์ไซค์ พ่อค้า แม่ค้า

โดยพรรคเปลี่ยน มีนโยบายปรับปรุง พ.ร.บ.ขนส่งทางบก ปี 2522 ให้ทันสมัย เช่น อนุญาตให้รถจักรยานยนขึ้นสะพานและลงอุโมงค์ได้ ซึ่งในอดีตพบว่า รถจักรยานยนต์ซีซีน้อยแรงบิดไม่แรงเพียงพอในการขึ้นสะพานหรืออุโมงค์แคบ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีทันสมัย รถแทบจะบินขึ้นสะพานได้แล้ว

ส่วนค่ารอบวิ่งของไรเดอร์นั้น เห็นว่า ควรจะทำให้เป็นราคากลางมาตรฐานเดียวกับค่าแท็กซี่มิเตอร์ อาจจะเริ่มต้นที่ 40 บาท และบวกเพิ่มตามระยะทาง เนื่องจากเป็นบริการขนส่งอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้แรงงานคนในประเทศ ซึ่งควรจะได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกับแท็กซี่

ทั้งดึงเข้ามาเข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 และ 39 เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานงาน เพราะคนกลุ่มนี้ถือเป็นแรงงาน และเพิ่มความคุ้มครอง พ.ร.บ. ให้รถจักรยานยนต์มีความให้ทันสมัยและให้ได้รับความคุ้มครองมากขึ้น คนที่ประกอบอาชีพบนท้องถนนมีความเสี่ยงภัย แต่การคุ้มครองไม่ได้รับอย่างเต็มที่

นายพันธ์ธวัช กล่าวว่า สำหรับนโยบายเพื่อไรเดอร์และชาวสองล้อ พรรคมีแนวทางดังนี้ 1. สิทธิการเข้าถึงระบบประกันสังคมหรือการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ 39 ทุกคนควรได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน

2. เพิ่มความคุ้มครอง พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ให้มีความทันสมัยและเพิ่มความคุ้มครองมากขึ้น 3. ประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้ขับขี่ไรเดอร์ อาชีพนี้มีความเสี่ยงสูง แต่ยังได้รับความคุ้มน้อย ซึ่งเห็นว่าแนวทางอาจจะเป็นการจ่ายคนละครึ่งระหว่างรัฐและผู้ขับขี่ไรเดอร์ เพิ่มความคุ้มครองกรณีรถเสียหาย บาดเจ็บ

4. เป็นตัวกลางในการเจรจากับบริษัทผู้ประกอบการเรื่องราคากลางค่ารอบเริ่มต้น และ 5. ให้สิทธิไรเดอร์ กลุ่มอาชีพอิสระเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยถูกเพื่อนำไปซื้อเครื่องมือทำกิน หรือรถจักรยานยนต์ ผ่านธนาคารโอกาส

เมื่อถามว่า เมื่อพรรคเปลี่ยน ได้เป็นรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ควรจะดำเนินการอย่างไรกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายพันธ์ธวัช กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า ไม่ควรมีคนรวยคนจน สวัสดิการแห่งรัฐทุกคนต้องได้รับเท่ากัน แต่คนรวยควรเสียภาษีมากกว่าคนจน และทุกคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน ต้องไม่แยกคนจนคนรวย และไม่ควรมีบัตรคนจน ไม่ควรภูมิใจกับคำว่า บัตรคนจน

“นอท กองสลากพลัส” กล่าวต่อว่า ส่วนราคาล็อตเตอร์รี่จะสมเหตุสมผล เป็นไปตามกลไกตลาด ราคาถูกหรือแพงกว่า 80 บาท แต่ไม่มาก คาดว่า ประชาชนจะได้รับประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ ขอย้ำว่า ตนต้องการดูแลอาชีพคนขายล็อตเตอร์รี่ เพราะสร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า 55,000 ล้านบาท

ขณะนี้กำลังโดนรัฐรังแก โดยยึดโควตาจากรายย่อยไปเพิ่มในระบบดิจิทัล อีกทั้งเห็นว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พิมพ์หวยชุด 18 ใบ 1 ล้านชุด เพราะอยากเอาชนะเอกชน อยากให้มีคนถูกรางวัลเยอะๆ เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ ตนเห็นว่า เป็นยุคตกต่ำของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถแก้ราคาหวยแพงแล้วยังก็อปปี้เอกชน

ส่วนจุดยืนทางการเมือง จะร่วมกับพรรคเพื่อไทย(พท.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในกรณีที่พรรคเหล่านั้นจัดตั้งรัฐบาลได้ นายพันธ์ธวัช กล่าวว่า ต้องดูว่า พท. พปชร. และรทสช. ได้รับคะแนนจากประชาชนเป็นอันดับหนึ่งหรือไม่ ตนก็จะร่วมรัฐบาลด้วย ถือว่าเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด แต่ต้องได้คะแนนเสียงมากพอจาก ส.ส. ไม่นับรวม ส.ว. โดยจุดยืนคือรัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้ง 100%

อย่างไรก็ตามหากออกมาเป็นสูตรประหลาด แล้วรวมกันแก้รัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีออกได้ ก็จำเป็นต้องเข้าร่วม เพื่อปิดสวิชต์ ส.ว.

“สมมุติ ลุงป้อมบอกจะจับมือเพื่อไทย แล้วปิดสวิตช์ ส.ว. ผมเข้านะ ผมถือว่า ยอมเจ็บเล็กน้อย เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว แต่ถ้า ลุงป้อม บอกจับมือ ลุงตู่ ส.ว.ยังคงมีต่อไป ผมไม่เอา จุดนี้น่าจะได้ความชัดเจนที่สุด ที่ผมเคยพูดมา” นายพันธ์ธวัช กล่าว