ทนายผู้เสียหาย โต้ปมสาวหล่อ ไม่มีสัญญาทาส แต่เป็นข้อตกลงอยู่กัน 3 คน ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ สมัครใจยินยอมด้วยกันทุกฝ่าย งัดหลักฐานชี้แจง
กรณี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรและผู้ประกาศชื่อดัง โพสต์เรื่องราวของคู่สามีภรรยา เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ชื่อดัง บังคับสาวหล่อเป็นเมียล้างหนี้ 5 แสน ร่วมเสพสังวาส 3 คนผัวเมีย ซ้ำยังร่างสัญญาทาสผูกมัด ขู่ถ้าหนีจะแฉให้อับอาย ล่าสุดนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความพา สาวหล่อ เข้าแจ้งความบช.ก. เอาผิดนายจ้างคู่สามีภรรยา เจ้าของบริษัท ทำสัญญาทาส ขู่บังคับ เสพสังวาส 3 คนผัวเมียล้างหนี้ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว สาวหล่อ แฉสัญญาทาส ตกนรกทั้งเป็น ถูกบังคับ เสพสังวาส3คนผัวเมีย
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อค่ำวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ชลบุรี นายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายความของผู้เสียหายเกี่ยวกับคดีสาวทอม แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า กรณีที่สาวทอมอดีตลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับบัญชี ที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี ไปออกข่าวหรือไปแจ้งความว่า ถูกข่มขืนกระทำชำเรา กักขังหน่วงเหนี่ยว ความจริงในเรื่องนี้ เบื้องต้นสาวทอมเป็นชู้กับเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี
พอมาถูกจับได้ก็พบปะและเลิกกับภรรยาผู้เสียหายหลายครั้ง ระหว่างที่คบหากันพูดจาขอความเห็นใจ และได้เงินจากภรรยาของผู้เสียหายไปไม่น้อยกว่า 500,000 บาท และทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แหวนแบรนด์เนม แต่พฤติกรรมของสาวทอมก็ยังไม่ยอมหยุด จนเวลาเนิ่นนานกว่า 5-6 ปี จับได้เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา
นายเอกสิทธิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นผู้เสียหายฝ่ายชายเสนอทางเลือก 2 ทาง คือต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมาก เมื่ออยู่กันมา 5-6 ปี จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 มาอยู่บ้านเดียวกัน และมีสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว และมีเพศสัมพันธ์กัน โดยความสมัครใจยินยอมด้วยกันทุกฝ่าย
รวมทั้งไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ อย่างเปิดเผยทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ไปประเทศสิงคโปร์ นอนโรงแรมหรูในพัทยา รวมทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ ไปร้านอาหารก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้ง 3 คนอย่างเปิดเผย นอกจากนี้ ยังหลับนอนด้วยกัน โดยไม่กักขังหน่วงเหนี่ยวแต่อย่างใด
ทนายผู้เสียหาย กล่าวว่า ต่อมาฝ่ายสาวทอมร้องขอการไปอยู่ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 หากไม่มีการพอใจกันขึ้นมาอาจจะฟ้องร้องในเรื่องของการเป็นชู้ เพราะผู้เสียหายมีทะเบียนสมรสกันอยู่ จึงทำข้อตกลงเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมีข้อห้ามในเรื่องการทำร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง แต่ข่าวที่ออกไปกลายเป็นสัญญาทาส จากการตรวจสอบหลักฐานแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องของสัญญาทาสแต่อย่างใด แต่เป็นการทำสัญญาที่มีข้อตกลงกันเอง โดยไม่บังคับหรือขู่เข็ญแต่อย่างใด
“เมื่อคบกันสักระยะหนึ่ง คาดว่าคงมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ระหว่าง 2 เมีย 1 ผัว จนเกิดการทะเลาะกัน จึงไปกล่าวหาว่าเป็นเรื่องข่มขืนกระทำชำเรา ในความเป็นจริงไม่ใช่ และพยายามออกข่าวเพื่อเป็นกระแสสังคมมากดดันพนักงานสอบสวน การมาชี้แจงในครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมจะต่อสู้คดีในชั้นศาล” นายเอกสิทธิ์ กล่าว
ทนายผู้เสียหาย กล่าวว่า หากไม่ออกมาชี้แจง สังคมอาจไม่เข้าใจและฟังข้อมูลฝ่ายเดียว เชื่อว่าประชาชนที่รับข่าวสาร หากมีสติและไตร่ตรอง ก็คงจะมีข้อกังขาในใจ โดนข่มขืนหลายครั้ง หลายที แต่ไม่แจ้งความ ประกอบกับมีภาพประกอบว่าไปเที่ยวด้วยกัน โดยเฉพาะไปต่างประเทศ รวมทั้งสัญญาทาสดูแล้วก็ไม่มีอะไร
นายเอกสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้ไม่กังวลในการต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ต้องมาพูด เพราะว่าหากไม่พูดสังคมจะไม่เข้าใจ สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกัน เชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี
“ส่วนสัญญาที่อ้างว่าเป็นทาสดูแล้ว เป็นเรื่องข้อตกลงคบกัน 3 คน หากจะเลิกก็ต้องสมัครใจเลิกกันทั้ง 3 คน และจะไม่ทำร้ายกัน ซึ่งไม่บังคับอะไรกันเลย ส่วนการประสานงานกับทางสาวทอมนั้น ยอมรับว่าติดต่อไปแล้ว แต่ไม่ตอบไลน์ หากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาคงต้องไปชี้แจง
ยอมรับว่า 2 ผัวเมียขณะนี้เครียดมาก จากที่มีข่าวออกมา และทำให้เสียชื่อเสียง ที่สำคัญเป็นการออกข่าวฝ่ายเดียว จึงออกมาชี้แจงข้อมูลให้สังคมทราบบ้าง และผมจะไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 11 พ.ย. เพื่อขอทราบข้อมูล เพื่อมาเตรียมการยื่นคำให้การในคดีนี้ต่อไป” นายเอกสิทธิ์ กล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์