ตั้ง ‘สมเด็จพุฒาจารย์ วัดไตรมิตร’ ปธ.ฝ่ายปกครอง ลุยปราบพระฉาว

Home » ตั้ง ‘สมเด็จพุฒาจารย์ วัดไตรมิตร’ ปธ.ฝ่ายปกครอง ลุยปราบพระฉาว



ตั้ง สมเด็จพุฒาจารย์ วัดไตรมิตร ปธ.ฝ่ายปกครอง ปราบสงฆ์ไม่เหมาะสมแล้ว ชี้หากเจ้าคณะผู้ปกครองละเลย มีโทษด้วย ส่วนอดีตพระกาโตะ ปาราชิก ตั้งแต่สันเขื่อนแล้ว

วันที่ 9 พ.ค.2565 นายอนุชา นาคาศัย รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นพระสงฆ์ที่มีแต่เรื่องเสื่อมเสีย ไม่เอื้อต่อธรรมวินัย โดยเฉพาะเรื่องอดีตพระกาโตะนั้น ทางมหาเถรสมาคมได้มีมติมอบหมายให้ สมเด็จพุฒาจารย์ วัดไตรมิตร เป็นประธานฝ่ายปกครองของมหาเถรสมาคม โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์และกำหนดโทษแก่พระที่ปฏิบัติไม่เหมาะสมแล้ว รวมถึงเจ้าคณะผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยด้วย

สำหรับในส่วนของอดีตพระกาโตะนั้น ได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ทั้งในส่วนของธรรมและทางโลก ยืนยันว่าจะตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีการช่วยเหลืออย่างแน่นอน และสอบไปจนถึงการปาราชิกก่อนที่พระกาโตะจะสึกในภายหลัง ทั้งนี้ความเป็นสงฆ์จะขาดความเป็นพระตั้งกระทำผิดพระวินัย และไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก

กรณีลัทธิพิลึกนั้น ส่วนตัวมองว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ไม่มีอำนาจไปตรวจสอบ แต่จะเป็นอำนาจของฝ่ายปกครองที่จะตรวจสอบ โดยลัทธิสามารถตั้งเป็นมูลนิธิ หรือสมาคมเพื่อทำคุณงามความดีให้กับสังคมได้ แต่หากตั้งขึ้นมาแล้วสร้างความเดือดร้อนก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง ส่วนในเรื่องของศาสนาและความเชื่อ หากผู้ใดอยากจดแจ้งสามารถยื่นเรื่องไปที่กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมได้

หลังจากนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดจะประชุม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสอดส่องร่วมกับผู้ปกครอง เพื่อเข้มงวดกวดขัน และเป็นหูเป็นตา ทำให้การปกครองของพระภิกษุนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่นและถูกต้อง นอกจากนี้ปัจจุบันเป็นโลกของการสื่อสาร โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่เกิดขึ้นมากมาย เราจึงต้องเข้มงวดและควบคุมในสิ่งที่ผิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า

 

ด้านนายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.พศ. กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของแต่ละวัดว่า ในเรื่องการจัดทำบัญชีของวัดนั้น ทุกวัดเป็นลักษณะบัญชีพื้นฐานรายรับรายจ่าย ส่วนวัดที่มีความพร้อมก็ได้จัดทำบัญชีเต็มรูปแบบ ซึ่งเรามีการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเจ้าคณะปกครองในการให้วัดต่างๆ ต้องรายงานสถานะการเงินของวัดมายัง พศ. อีกส่วนหนึ่งแต่ละวัดก็ต้องรายงานเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับ

ทั้งนี้อดีตพระกาโตะเสพเมถุนนั้น ถือว่าปาราชิกพ้นโดยไม่ต้องลาสิกขา นับตั้งแต่ตอนเสพเมถุนแล้ว จะกลับมาบวชอีกไม่ได้ เพราะถือเป็นบุคคลต้องห้าม มีผลตั้งแต่อยู่บนสันเขื่อนแล้ว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ