ญี่ปุ่นซ้อมรบ เตรียมแสนยานุภาพรับมือภัยคุกคามจากรัสเซียและจีน
ญี่ปุ่นซ้อมรบ – วันที่ 7 ธ.ค. เอพี รายงานว่า กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JSDF) เปิดปฏิบัติการซ้อมรบขนาดใหญ่ มีรถถังหลายสิบคัน และทหารหลายร้อยนายเข้าร่วมบนเกาะฮอกไกโด ทางภาคเหนือของประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมต่อภัยคุกคามจากรัสเซียและจีน
ภารกิจซ้อมรบดังกล่าวของ JSDF เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามยกระดับแสนยานุภาพและการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม ในช่วงเวลาเดียวกันกับความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียและจีนทางตะวันตกของประเทศ โดยเปิดให้สื่อญี่ปุ่นสามารถเข้าถ่ายภาพได้เพื่อแสดงแสนยานุภาพป้องปรามต่อภัยคุกคาม และตอกย้ำถึงความเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจด้านการทหารในเอเชีย
ภารกิจซ้อมรบของ JSDF ข้างต้นโดยปกติแล้วจะไม่เปิดให้สื่อท้องถิ่นและต่างชาติเข้าถ่ายภาพซึ่งแตกต่างจากครั้งนี้ที่กินระยะเวลานาน 9 วัน มีทหารเข้าร่วม 1,300 นาย
ชื่อของ JSDF นั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงจุดยืนการมุ่งเน้นแสนยานุภาพทหารเพื่อการป้องกันตัวเอง โดยทางการญี่ปุ่นพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ข้อความใดๆ ที่หมายถึงกองทัพ เนื่องมาจากความทรงจำที่เจ็บปวดของประชาคมโลกจากฝีมือของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง
การยกระดับแสนยานุภาพของ JSDF จึงสร้างความกังวลให้กับชาติต่างๆ รวมถึงชาวญี่ปุ่นเองด้วยที่เจตจำนงค์จะดำรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญซึ่งบัญญัติไว้ให้ญี่ปุ่นนั้นขอสละสิทธิ์การรุกรานชาติอื่นตลอดไป แต่ด้วยภัยคุกคามข้างต้นทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามแก้ไขสิ่งนี้
ปัจจุบัน JSDF มีงบประมาณรายปีหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีเครื่องบินประจำการกว่า 1 พันลำ เรือพิฆาตหลายสิบลำ และเรือดำน้ำอีกหลายลำ มีแสนยานุภาพโดยรวมในระดับเดียวกันกับฝรั่งเศส และอังกฤษ ทั้งยังมีความทันสมัยด้วยเทคโนโลยีล่าสุดด้วย ตลอดจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การขยายขนาดของ JSDF ส่งผลให้บรรดาชาติเพื่อนบ้านของญี่ปุ่น กล่าวเตือนให้ญี่ปุ่นเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต และยุติความทะเยอทะยานด้านการทหาร นอกจากนี้ ยังมีกระแสต่อต้านจากชาวญี่ปุ่นเองที่เกลียดชังสงคราม และการสู้รบกับชาติอื่น
ความเกลียดชังสงครามดังกล่าวมาจากภาพความเสียหายสุดขั้วที่ยังคงตามหลอกหลอนชาวญี่ปุ่น หลังเป็นชาติเดียวที่เคยถูกโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ถึง 2 ลูก จากกองทัพสหรัฐฯ ส่งผลให้ญี่ปุ่นนั้นไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ และต้องอาศัยชาติพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ ในการป้องปรามภัยจากอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม นายทหารระดับสูงของ JSDF ระบุว่า ภารกิจซ้อมรบดังกล่าวและการขยายขนาดของ JSDF นั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากรัสเซียและจีนนั้นกำลังขยายขนาดกองทัพเพื่อรักษาสมดุลกับบรรดาชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่รายล้อมอยู่ทั่วเอเชีย
ภัยคุกคามนี้สะท้อนจากเหตุเมื่อเดือนต.ค. ที่ผ่านมา หลังกองเรือรบของรัสเซียและจีนรวม 5 ลำ แล่นรอบเกาะญี่ปุ่นขณะเดินทางผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อกลับเข้ามายังทะเลจีนตะวันออก ขณะที่เดือนพ.ย. นั้นฝูงบินรบของทั้งสองชาติบินเข้าใกล้น่านฟ้าของญี่ปุ่น
เหตุดังกล่าวส่งผลให้ JSDF ต้องส่งฝูงบินขับไล่เข้าสกัด ขณะที่ข้อมูลสถิติจากกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ตลอดปี 2563 ถึงเดือนมี.ค. 2564 นั้นฝูงบินรบของ JSDF ต้องขึ้นปฏิบัติการในลักษณะนี้ถึง 700 ครั้ง ในจำนวนนี้ 2 ใน 3 เพื่อขับไล่ฝูงบินจีน และที่เหลือส่วนใหญ่เพื่อขับไล่ฝูงบินรัสเซีย
นอกจากนี้ กองทัพรัสเซียเพิ่งติดตั้งระบบอาวุธแบบใหม่เพื่อป้องกันชายฝั่ง ใกล้กับเกาะพิพาทที่อยู่นอกชายฝั่งของเกาะฮอกไกโดทางเหนือของญี่ปุ่น เรียกว่า ขีปนาวุธบาสเตียน
ทั้งนี้ เว็บไซต์ โกลบอล ไฟร์ พาวเวอร์ จัดอันดับให้ญี่ปุ่นนั้นเป็นชาติอันดับ 5 ที่มีแสนยานุภาพด้านการทหารร้ายกาจที่สุดในโลก รองจากสหรัฐฯ รัสเซีย จีน และอินเดีย (ไทยอันดับที่ 26) ขณะที่งบกลาโหมนั้นมากที่สุดอันดับ 4 ของโลกในปีนี้ จากทั้งหมด 140 ประเทศ