ช็อกทั้งบ้าน! น้าสาวเอาเงินหลานกว่า 1 แสนบาทไปทิ้งบ่อน้ำ หาเป็นอาทิตย์ หมอดูบอกตรงกัน

Home » ช็อกทั้งบ้าน! น้าสาวเอาเงินหลานกว่า 1 แสนบาทไปทิ้งบ่อน้ำ หาเป็นอาทิตย์ หมอดูบอกตรงกัน


ช็อกทั้งบ้าน! น้าสาวเอาเงินหลานกว่า 1 แสนบาทไปทิ้งบ่อน้ำ หาเป็นอาทิตย์ หมอดูบอกตรงกัน

ช็อกทั้งบ้าน! น้าสาวป่วยจิตเวช เอาเงินหลานกว่า 1 แสนบาทไปทิ้งบ่อน้ำ หาเป็นอาทิตย์ หมอดูบอกตรงกัน เหลือสภาพดีแค่ 1 แสน อีก 3 หมื่นยับเยินลุ้นแลกได้เท่าไร

จากกรณีเฟซบุ๊ก ชุดปฏิบัติการกู้ภัยทางน้ำ EEL Team Kosumpisai โพสต์เหตุการณ์ หลังได้รับการประสานจากงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ยางน้อย ขอทีมสนับสนุนกรณีบุคคลทิ้งธนบัตรลงน้ำ พิกัดที่บ้านยางใหญ่ ต.ยางน้อย อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม จึงได้นำทีมกู้ภัยลงพื้นที่ นำธนบัตรขึ้นมาจากน้ำจำนวนมาก โดยใช้เวลาในการปฏิบัติภารกิจทั้งหมดเกือบ 3 ชั่วโมง

ล่าสุดวันที่ 6 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่บ้านยางใหญ่ หมู่ 4 ต.ยางน้อย อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม พบกับ นางนิยม โพธิ์ศรี อายุ 77 ปี โดยเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 4-5 วันที่แล้ว หลานสาวอายุ 18 ปี ได้ไปเบิกเงินจำนวนมากมาจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะนำไปฝากอีกธนาคารหนึ่ง แต่ได้นำมาเก็บไว้ที่บ้านก่อน โดยในบ้านมีน้าสาว อายุ 57 ปีอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งน้าสาวเป็นผู้ป่วยจิตเวช ต่อมาเงินทั้งหมดหายไป แต่หลานกลับไม่ยอมเล่าให้ฟัง จนเวลาล่วงเลยมา 2-3 วัน เพื่อนบ้านก็มาเล่าให้ฟังว่าเห็นหลานไปเบิกเงินที่ธนาคารจำนวนมาก จึงได้ไปถามหลาน หลานก็บอกไปเบิกเงินจริง แต่ตอนนี้เงินทั้งหมดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากทราบข่าวก็ตกใจมาก เพราะเงินที่หลานไปเบิกมาทั้งหมด 130,000 บาท เป็นเงินจากการขายที่ดิน เพื่อที่จะให้หลานได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย จึงได้ต่อว่าหลาน ว่าทำไมไม่บอกยาย เอาเงินมาฝากไว้กับยายก็ได้ หลานก็บอกว่าเก็บเงินไว้ดีแล้ว แต่เงินก็หายไป ตอนนั้นทุกข์ใจมาก จึงได้ไปหาหมอดูถึง 4 ที่ ปรากฏว่า 3 ที่ บอกเหมือนกันหมดว่า เงินไม่ได้ไปไหน อยู่ในบ้านนั่นแหละ มีคนวัยกลางคนเอาเงินไปซ่อน เงินอยู่ในกระเป๋าสีชมพู สีขาว มีเอกสารคนตายทับไว้ ซึ่งเป็นที่ที่หลานนำเงินไปเก็บไว้ก่อนที่เงินจะหายไป หมอดูบอกมาตรงหมดทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่พบ

ต่อมาก็ไปหาพระ แต่พระไม่ยอมดูให้ เลยขอความเมตตา บอกว่าเงินจำนวนนี้ถ้าหายไป หลานก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ พระก็เลยบอกว่าเงินอยู่ในบ้าน เงินอยู่ในท่อ ก็พาญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านมาช่วยกันหา อยู่ดีๆ เพื่อนบ้านก็ไปยกฝาซีเมนต์ปิดบ่อน้ำออก ก็พบเงินแสนลอยอยู่ในบ่อน้ำจนเต็ม ก่อนจะเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยนำเงินขึ้นมาจากบ่อน้ำ ซึ่งที่ฝาซีเมนต์ที่ปิดท่อมีรูเล็กๆ พอให้ใส่ท่อ PVC สูบน้ำขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อก่อนใช้สูบน้ำมาใช้ในบ้านก่อนที่จะมีน้ำประปา คาดว่าน้องสาวจะเอาเงินทั้งหมดยัดเข้ามาในรูนี้

ด้าน นายมอส ลูกชายของ นางนิยม เล่าว่า ตนทำงานอยู่ที่ จ.ขอนแก่น พี่สาวโทรมาบอกว่าให้กลับบ้านมาช่วยหลานหาเงิน จึงกลับมาช่วยหาก็ไม่เจอ ก่อนโทรศัพท์ไปดูดวงกับแม่หมอที่รู้จักกันที่ในตัวเมืองมหาสารคาม แม่หมอก็บอกว่ามีผู้หญิงคนนึง อยู่ในบ้านนี้เอาเงินไปซ่อน แต่จะเป็นพื้นที่ดำๆ หรือใกล้ๆ ที่เผาขยะ ตนเลยโทรมาเล่าให้แม่ฟัง และที่แม่นไปกว่านั้นคือ แม่หมอบอกว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นอัลไซเมอร์ จำอะไรไม่ค่อยได้ ชอบเก็บ ชอบซ่อนของไว้ในบ้าน

ทำให้ตนนึกถึงน้าที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชขึ้นมาทันที โดยในดวงบอกว่ามีเด็กผู้ชาย ไม่ใส่เสื้อ ยืนเฝ้าเงินอยู่ ตนคิดว่าเป็นหลานชายที่เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ยืนเฝ้าบ่อน้ำอยู่ ซึ่งหมอดูแนะนำให้จุดธูป 2 ดอก ขอเจ้าที่เจ้าทาง แม่พระธรณี จากนั้นไม่นานก็เจอเงินอยู่ในบ่อน้ำ เงินที่ได้คืนเป็นฉบับสมบูรณ์ประมาณ 100,000 บาท ส่วนเงินที่ฉีกขาดไปประมาณ 30,000 บาท ตอนนี้ธนบัตรที่ขาดก็ได้นำไปแลกที่ธนาคาร โดยทางธนาคารบอกว่าจะส่งไปแบงค์ชาติก่อน ถึงจะทราบว่าจะสามารถแลกคืนได้เท่าไหร่

ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต.หัวขวาง ที่ช่วยเหลือ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเอาเงินขึ้นมาได้หมด ส่วนน้าสาว ทางครอบครัวเคยนำตัวไปรักษา แต่พอกลับมาบ้านก็ไม่ยอมกินยา ตอนนี้กำลังปรึกษาผู้เชี่ยวชาญถึงกระบวนการรักษาอยู่ว่าจะทำอย่างไร

ด้าน นายกิตติศักดิ์ สามเมืองปัก ผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.หัวขวาง กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.) ได้รับแจ้งเหตุว่ามีสิ่งของตกลงไปในน้ำ เป็นบ่อน้ำส้าง (บ่อน้ำใต้ดิน) ความลึกประมาณ 10 เมตร จึงได้เตรียมอุปกรณ์ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ มีชุดประดาน้ำ พัดลมระบายอากาศ เคสนี้ถือว่าค่อนข้างยาก เพราะบ่อน้ำมีความกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ลึกประมาณ 10 เมตร ข้างล่างมีปัญหาคือเป็นดินทราย ทรายดูดลึกลงไปถึงหัวเข่า ทำให้ค้นหาธนบัตรค่อนข้างยาก ที่ผ่านมาไม่เคยเจอเคสแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสัตว์ หรือคนตกลงไป น้ำในบ่อหากไม่ดูดออกก็ลึกประมาณ 7-8 เมตร ก่อนจะลงไปในบ่อ ต้องใช้เครื่องสูบน้ำสูบออกก่อน พอน้ำหมด แต่ทรายไม่หมด ทำให้ยากในการปฏิบัติงาน โดยใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกือบ 3 ชั่วโมง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ