นครราชสีมา ชาวบ้านด่านขุนทด ยื่นคัดค้านแผนแม่บท บริหารจัดการเหมืองแร่โปแตช ขณะชาวบ้านโนนสูง ลุยคัดค้านไม่เอาเหมืองแร่ หวั่นปัญหาซ้ำรอยพื้นที่เกษตร สุขภาพ

24 พ.ย. 65 – ที่ บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ตัวแทนกลุ่มรักบ้านเกิดอำเภอด่านขุนทด และกลุ่มคนรักษ์ลำคอหงษ์ อำเภอโนนสูง ได้เข้ายื่นหนังสือคัดค้านการจัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 และขอให้จัดทำแผนแม่บทตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.แร่

โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้รับมอบหนังสือ ซึ่งในส่วนของกลุ่มคนรักษ์ลำคอหงษ์ อำเภอโนนสูงนั้น มีเจตนารมณ์ต้องการคัดค้านการก่อสร้างเหมืองแร่โปแตช

ส่วนทางด้านกลุ่มรักบ้านเกิดอำเภอด่านขุนทดนั้น นอกจากจะยื่นหนังสือคัดค้านแล้วทางกลุ่มฯ ยังต้องการเรียกร้องให้ทาง บริษัทให้ออกมาเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นในชุมชน ต.หนองไทร อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

เนื่องจากที่ผ่านมาได้ร้องเรียนมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยในครั้งล่าสุดผลกระทบได้ขยายเป็นวงกว้างเพิ่มขึ้นอีก ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ที่ปลูกข้าวได้รับผลกระทบผลิตที่ได้น้อยลง

นางธนาวรรณ ไทนอก อายุ 46 ปี ตัวแทนกลุ่มรักบ้านเกิดด่านขุนทด กล่าวว่า หลังจากได้มีการยื่นหนังสือข้อเรียกร้องมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องการเยียวยาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมีแต่จะขยายเป็นวงกว้าง โดยข้อเรียกร้องที่ทางชาวบ้านเคยได้เรียกร้องไป ยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมาเลย

วันนี้หลังจากที่ได้ยื่นข้อเรียกร้องไปก็ต้องรอดูว่า จะมีการเข้าไปแก้ไขปัญหาในชุมชนตามที่ร้องขอหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนมาแล้ว ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้ชาวบ้านยังเดือดร้อนกับผลกระทบจากเหมืองแร่อยู่ ทั้งเรื่องสุขภาพ

รวมไปถึงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจด้วย เนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไม่ได้ผลผลิตตามที่ต้องการอย่างที่เคยได้อีกทั้งปัญหาของราคาข้าวถูกด้วยจึงทำให้ตอนนี้ปัญหาได้ขยายเป็นวงกว้างเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน นายนันทชัย หวังเลี้ยงกลาง 67 ปี ตัวแทนกลุ่มคนรักษ์ลำคอหงษ์ อำเภอโนนสูง กล่าวว่า ที่ตนมายื่นหนังสือคัดค้านการจัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 และขอให้จัดทำแผนแม่บทตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.แร่ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ตนมองว่าไม่สอดคล้องตามกฏหมายแร่ เพราะตามกฎหมายแล้ว ต้องมีการกันพื้นที่ให้ชัดเจนในการก่อสร้างเหมืองแร่

ซึ่งต้องไม่เกี่ยวข้องกับโบราณสถาน แหล่งพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ตามมาตรา 17 วรรค 4 ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า “เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง” ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ต้องไม่ใช่พื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่า ด้วยอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เขตโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

เขตพื้นที่ที่มีกฎหมายห้ามการเข้าใช้ประโยชน์โดยเด็ดขาด พื้นที่เขตปลอดภัยและความมั่นคงแห่งชาติ หรือพื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ได้มีการลงพื้นเจาะสำรวจแล้ว มีการร่างตัวแม่บท เพื่อที่จะขอยื่นขอประทานบัตรในการขุดเจาะเหมือง

ซึ่งในร่างดังกล่าว ไม่มีการบอกแนวเขตพื้นที่ที่ชัดเจนในการที่จะทำเหมืองแร่ ทั้งนี้พื้นที่ที่เจาะสำรวจนั้น มีพื้นที่ทำการเกษตร และโบราณสถานอยู่

ตนมาเรียกร้องในครั้งนี้ คือต้องการให้มีการแก้ร่างแม่บทนี้ให้มีความชัดเจนในการกันพื้นที่ตาม พ.ร.บ.แร่ มาตรตรา 17 วรรค 4 แต่อย่างไรก็ตาม ตนและชาวบ้านที่มีส่วนได้เสีย ก็จะคัดค้านไม่ยอมให้มีการสร้างเหมืองแร่อย่างเด็ดขาด เพราะเนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นแล้วที่ ต.หนองไทร อ.ด่านขุนทด ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมากมายเพียงใด

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้แล้ว โดยในตอนนี้ต้องรอรายงานทางวิชาการก่อน โดยอยู่ในขณะดำเนินการของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกไม่นานในการตรวจถึงจะสามารถดำเนินการในขั้นตอนการแก้ไขเยียวยา

อย่างไรก็ตามทางจังหวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะได้มีการจัดตั้งคณะทำงานในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในชุมชน โดยให้หน่วยงานที่เชี่ยวชาญลงพื้นที่สำรวจข้อมูลของที่ดินในบริเวณดังกล่าว พร้อมกับเตรียมให้คำแนะนำในเรื่องทำการเกษตรว่า จะปลูกพืชอะไร ถึงจะได้ผลผลิตตามสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะเป็นดินเค็ม

รวมไปถึงเตรียมเรียกชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่มาร่วมประชุมหารือถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยปราศจากตัวแทนของบริษัทที่ดำเนินกิจกรรมเหมืองแร่ นายสมเกียรติกล่าว