ภูมิธรรม พาพิสูจน์ถึงโกดังจำนำข้าว ยืนยัน “ข้าว 10 ปี ยังกินได้” ชาวเน็ตวิจารณ์หนัก ก่อนหุงต้องซาว 15 น้ำ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล ตามโครงการรับจำนำ ที่คลังกิตติชัยหลัง 2 อ.ปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันมีข้าวประมาณ 112,711 กระสอบ และบจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ ข้าวจำนวน 32,879 กระสอบ โดยนำข้าวที่เก็บอยู่ในโกดังมาหุงและรับประทานร่วมกับสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้อง และจากนี้จะมีการตรวจสอบก่อนประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไป
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ครั้งที่ผ่านตนได้ลองชิมข้าวไปแล้ว แต่มีเสียงทักว่าข้าว 10 ปีกินไม่ได้ เหมือนเล่นละคร ข้าวหนึ่งปีก็เน่าแล้ว 5 ปีก็เน่าแล้ว ปัญหาอยู่ที่การเก็บรักษา ถ้าเก็บรักษาดีก็สามารถดูแลได้ ถ้าเก็บไม่ดีไม่ต้อง 5 ปี หนึ่งปีก็เน่าแล้ว ครั้งนี้อยากทำให้เกิดข้อสรุปที่ชัดเจนสิ้นข้อสงสัย จึงเชิญสื่อมวลชนทุกแขนง เจ้าของโรงสี ผู้ส่งออก ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้การจังหวัด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นสักขีพยาน ตนทำกับข้าวมาให้ด้วย และจะเป็นผู้สังเกตการณ์ให้เจ้าหน้าที่เซอร์เวย์เยอร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเอาข้าวใส่ถุงให้ผู้สื่อข่าวส่งตัวแทนขึ้นรถตำรวจไปอีกโรงสีหนึ่งเพื่อหุงรับประทาน
สำหรับทั้งสองคลัง เป็นข้าวปี 56/57 ถึงวันนี้ก็ 10 ปีพอดี เป็นข้าวที่เก็บรักษาอย่างดี เจ้าของโรงสี เจ้าของโกดังรมยาตามมาตรฐาน ปิดโกดังแน่นหนา ไม่มีฝนตกที่ทำให้ข้าวเสีย ที่มีปัญหาข้าวบูดเน่าคือการเก็บรักษาที่ไม่ดี โรงสีทั้งสองถือว่ามีการเก็บรักษาที่ดี โรงสีกิตติชัยรมยาทุก 2 เดือน โรงสีพูนผลรมยาทุกเดือน และจากนี้ตนจะนำทานชวนท่านผู้ว่าฯ ท่านผู้การและสื่อมวลชนทานด้วยกันทำผัดกระเพราไข่เจียวไว้ จะได้ทานได้เต็มที่กินได้เต็มที่ ซึ่งผู้ถือกุญแจทั้ง 3 ส่วน ถือกุญแจคนละดอกมาเปิดต่อหน้า
“หลังจากนี้เร็วที่สุด ภายในเดือนพฤษภาคมนี้น่าจะสามารถเปิดประมูลได้ จะทำให้เร็วที่สุดและอิสระ ตนพิสูจน์ขั้นต้นให้แล้ว จะประมูลเหมากองเอาไปทั้งหมดขายทั้งหมด เอาเงินเข้ารัฐจ่ายคืนเจ้าของโกดัง ตามความเหมาะสม เป็น 2 โกดังสุดท้ายของโครงการจำนำข้าว ซึ่งจะได้พิสูจน์ว่าข้าว 10 ปียังทานได้ เป็นข้าว 2 โกดังสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ จนตนมาเป็นรัฐมนตรีฯให้พิสูจน์กันไปเลยจัดการให้จบ ไม่ต้องการให้เรื่องคั่งค้าง”
โดยนายภูมิธรรม พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน บริษัทเซอร์เวย์ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว สมาคมโรงสี ผู้ส่งออกข้าว ได้เก็บตัวอย่างข้าว รวม 9 ตัวอย่าง มาดูลักษณะทางกายภาพและนำมาหุงให้กับสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่ ร่วมกันชิมข้าวสวยที่ได้จากข้าวสารในโกดังทั้ง 2 แห่ง
ด้านเจ้าของโกดังกิตติชัย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า โกดังได้ปฏิบัติตามที่ อคส. (องค์การคลังสินค้า) สร้างมาตรฐานไว้ โดย1.ดูความเรียบร้อยของคลังไม่ให้เกิดน้ำรั่ว ถ้าเกิดน้ำรั่วจะทำให้ข้าวเน่าเสีย 2.ต้องรมยาทุก 2 เดือน และ 3.จำนวนกระสอบห้ามหาย ซึ่งมีการประมูลมาแล้ว ปกติมีข้าวประมาณ 400,000 กระสอบ ตอนนี้เหลือ 110,000 กระสอบ ประมูลมาแล้วเกิน 2 ครั้งจะเป็นหน้าที่ของ อคส.กับผู้ประมูลที่ผ่านมาการประมูลในแต่ละรอบราคาก็คือข้าวบริโภคเลย ซึ่งข้าวในโกดังมีการคัดกรองให้ได้ข้าวหอมมะลิคุณภาพตามมาตรฐาน เมื่อเดือนที่แล้ว ได้มีการเปิดคลังทดลองชิมไปเรียบร้อยยังบริโภคได้
ด้านผู้แทนจากบริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ กล่าวว่า ที่ตนมาร่วมพิสูจน์ข้าวในวันนี้เพราะลูกค้าในแอฟริกาสนใจซื้อข้าวเก่า เพราะหุงขึ้นหม้อหากคุณภาพตรงกับความต้องการของลูกค้าบริษัทก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูล
ก่อนหุงข้าว ซาว 13-15 น้ำ
โดยในขณะที่เจ้าหน้าที่นำข้าวสารไปเตรียมการหุง ได้มีการซาวข้าวหรือล้างน้ำโชว์ต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกว่า ต้องซาว 13-15 น้ำ โดยประมาณ ซึ่งพบว่า น้ำซาวข้าวมีมอดลอยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากไม่มั่นใจในเรื่องของความสะอาดและสิ่งตกค้างในข้าว ซึ่งโดยปกติแล้ว การหุงข้าวจะซาวประมาณ 1-3 น้ำ เพื่อล้างสิ่งสกปรก ถ้าซาวมากกว่า 3 ครั้งอาจจะทำให้สูญเสียสารอาหารและกลิ่นหอมในข้าวได้
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม ได้กินข้าวสวยโชว์ต่อหน้าสื่อมวลชน แล้วบอกว่า “นุ่มนวลครับ”