ชาวบ้านรวมตัว ขับไล่เจ้าอาวาสพ้นวัด สงสัยซื้อรถหลักล้าน ด้านเจ้าตัวเผยชี้แจ้ง สำนักพุทธฯ แล้ว 23 เรื่อง ส่วนเรื่องรถเก็บเงินผ่อนเอง
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาการเปรียญ วัดใหม่เจริญธรรม ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ชาวบ้านป่าขนุน ม.3 ต่างเข้าร่วมประชุมหลังนายปฐวี มีประไพ ผู้ใหญ่บ้านได้เรียกประชุมประจำเดือนพฤษภาคม 65 ตามระเบียบวาระการประชุมทั้งแจ้งข้อราชการ โดยมีนายรุ่งศักดิ์ เลี้ยงประเสริฐ นายกเทศมนตรี ต.คุ้งตะเภา ร่วมสังเกตการณ์ด้วย
กระทั้งมาถึงระเบียบวาระที่ 5 เรื่องชี้แจ้งการดำเนินงานบูรณะอุโบสถและการใช้จ่ายเงินของวัดใหม่เจริญธรรม ได้มีตัวแทนชาวบ้านเรียกร้องให้พระครูสุจิตพัฒนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดใหม่เจริญธรรม เจ้าคณะต.คุ้งตะเภา ชี้แจ้งเรื่องการเงิน และพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขับรถราคากว่า 1 ล้านบาท กับชาวบ้าน
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเพราะตัวแทนชาวบ้านต่างสลับสับเปลี่ยนกันทวงถามตั้งข้อสงสัย โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายเงินของวัด การที่เจ้าอาวาสขับรถยนต์ 7 ที่นั่งราคากว่า 1 ล้านบาท และติดแผ่นป้ายทะเบียนประมูล พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมปาขวดน้ำในที่ประชุม ทำอะไรไม่เคยปรึกษากรรมการวัดนานกว่า 1 ปี ค่าไฟฟ้าของวัดที่สูงเกินความจำเป็น เฉลี่ยเดือนละกว่า 1 หมื่นบาท
ด้านร.ต.อ.บุญเชิด สรรค์เชื้อไพบูลย์ อดีตกรรมการวัดใหม่เจริญธรรม ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการทราบรายละเอียดของเรื่องทั้งหมด ทุกวันนี้แทบไม่มีคนเข้าวัดแล้ว ก่อนหน้าได้มีการทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจ.อุตรดิตถ์ ให้ตรวจสอบพฤติกรรม ของเจ้าอาวาส มากถึง 23 เรื่อง
แต่กลับมีการชี้แจงผ่านหนังสือมายังผู้ใหญ่บ้าน โดยไม่มีลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาทั้ง 2 ฝ่าย ขั้นตอนต่อไปจะทำหนังสือยื่นไปยังเจ้าคณะอ.เมืองอุตรดิตถ์ เจ้าคณะจ.อุตรดิตถ์ นายอำเภอเมือง ผวจ.อุตรดิตถ์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด โดยขอคำตอบภายใน 7 วัน
ขณะเดียวกันด้านพระครูสุจิตพัฒนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดใหม่เจริญธรรม เปิดเผยว่า หลังจากชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด 23 ข้อ ตนได้ตอบทุกข้อสงสัยพร้อมชี้ แจ้ง เรื่องรถยนต์มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และป้ายทะเบียนประมูลที่ซื้อมา 1 หมื่นกว่าบาทนั้น เป็น เงินส่วนตัว โดยผ่อนส่งเงินละ 12,000 บาทระยะเวลา 7 ปี ซึ่งปีนี้ผ่อนครบแล้ว
ตนบวชพระกว่า 40 ปี เป็นเจ้าอาวาส 21 ปี และเป็นพระสงฆ์องค์แรกของจ.อุตรดิตถ์ ที่ได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร สาขาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศ เมื่อปี 2539 พร้อมโล่ ประกาศเกียรติบัตรมากมาย ตนเป็นเจ้าคณะตำบล พระนั่งเทศน์ พระอุปัชฌาย์ พระวิทยากรสอนหนังสือ และรับกิจนิมนต์ต่าง ๆ เก็บออมได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี ยืนยันไม่ได้ใช้เงินวัด
สำหรับเงินวัดนั้น มีกรรมการวัดดูแล การเบิกจ่าย 3 ใน 5 คน ทุกอย่างตรวจสอบได้ เรื่องสีกาไม่มีการยุ่งเกี่ยว แต่ที่ไม่ไปพบและชี้แจ้งที่ประชุม เพราะได้ชี้แจ้งต่อสำนักงานพุทธฯ ไปแล้ว หากร้องเรียนเพิ่มเติมอีก ก็พร้อมจะชี้แจ้ง